เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

10 ม.ค. 2568 | 22:00 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ม.ค. 2568 | 10:07 น.

เปิดใจ “ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” ทายาทโรงพยาบาลยันฮี กับภารกิจรับไม้ต่อ ดูแลด้านการตลาด ขยายอาณาจักรรุกธุรกิจศัลยกรรมความงาม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สกินแคร์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม พร้อมรับมือเฮลท์แคร์แข่งเดือด

เริ่มต้นศักราชใหม่ปี 2568 ธุรกิจเฮลท์แคร์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ผู้ประกอบการต่างแข่งขันชิงชัยกันอย่างดุเดือดทั้งรายเล็กรายใหญ่ประหนึ่งอยู่ในสมรภูมิรบ นับเป็นความท้าทายสำหรับนักบริหารรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาสานต่อกิจการรุ่นพ่อรุ่นแม่ในอนาคต

“ฐานเศรษฐกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ “ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลยันฮี 1 ใน 4 ทายาทของ “นพ.สุพจน์ - ทพญ.ลดาวดี สัมฤทธิวณิชชา” ผู้บุกเบิกก่อตั้งโรงพยาบาลยันฮี โรงพยาบาลที่มีความโดดเด่นในเรื่องศัลยกรรมและความงาม ที่ปัจจุบันแตกไลน์ธุรกิจขยายอาณาจักรไปสู่ธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เครื่องสำอางและอาหารเสริม รวมถึง OEM ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย

เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

“ทพญ.สุชาวดี” เล่าให้ฟังว่า สมาชิกในครอบครัวล้วนอยู่ในแวดวงวงการแพทย์ ครอบคลุมการรักษาหลากหลายด้านแตกต่างกันไป ในรุ่นพ่อคุณแม่เป็นคนขยันมาก ผลักดันโรงพยาบาลยันฮีให้เติบโตมาได้นับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันนานกว่า 28 ปี หากนับรวมเมื่อครั้งยังเป็น “ยันฮีโพลีคลินิก” ดำเนินกิจการมาแล้วเกือบ 40 ปี

ปัจจุบันทายาททุกคนเข้ามาร่วมบริหารโรงพยาบาล โดยพี่คนโตดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม พี่คนรองรับหน้าที่ดูแลด้านการเงินและบริหารบุคลากร พี่คนที่ 3 ดูแลธุรกิจน้ำดื่มและวิตามิน ส่วนตัวเองเป็นทายาทคนสุดท้องเรียนจบทันตแพทย์ตามรอยคุณแม่ ทำงานอยู่ในแผนกทันตกรรมโรงพยาบาลยันฮี และดูแลการตลาดของแบรนด์ยันฮี

เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

“ตั้งแต่จำความได้เราเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลยันฮี หลังจากเรียนจบก็เข้ามาทำงานอย่างเต็มตัว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สร้างแบรนด์ยันฮีไว้แข็งแรงมาก เมื่อเอ่ยถึงยันฮีคนทั่วไปจะรู้ในทันทีว่าเกี่ยวกับความสวยความงาม ดังนั้นหน้าที่ของทายาทผู้บริหารคือทำอย่างไรให้ชื่อแบรนด์นี้ยังคงอยู่ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ให้คนเข้าถึงมากขึ้น ภายใต้การทำงานร่วมกันของครอบครัว”

“ทพญ.สุชาวดี” บอกว่า หากย้อนเวลากลับไปมองชีวิตตัวเอง ถ้าไม่เรียนทันตแพทย์หรือเรียนสายแพทย์เหมือนคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆ ก็คงยังอยู่ในสายงานเกี่ยวกับโรงพยาบาล เพราะต้องการแบ่งเบาภาระของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำงานหนักมากตลอด

“การทำงานในฐานะลูกคนเล็กของคุณหมอผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลยันฮี สามารถต่อยอดการทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่จากทันตแพทย์มาสู่สายงานบริหารหากเทียบกับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เรียนการบริหารมาโดยตรง ถือว่ามีข้อเสียเปรียบอยู่บ้าง ดังนั้นจึงต้องเรียนด้านการบริหารเพิ่ม”

นอกจากนี้ วิธีการทำงานของรุ่นพ่อรุ่นแม่กับคนรุ่นลูกในยุคปัจจุบันจะต่างกัน โดยรุ่นพ่อรุ่นแม่จะขยับขยายทีละน้อยแต่ยั่งยืน รับฟังแล้วปฏิบัติ แต่รุ่นลูกหรือคนรุ่นใหม่จะอยากเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้เท่าทันยุคดิจิทัล รับฟังและแชร์ไอเดียใหม่ เด็กรุ่นใหม่บางคนก็มีแนวคิดที่คาดไม่ถึง แต่ระบบการทำงานทั้งหมดก็ยังต้องมีคำแนะนำจากรุ่นพ่อรุ่นแม่อยู่ดี เพราะต้องอยู่ภายใต้วัฒนธรรมองค์กรและกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน

เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

“ทพญ.สุชาวดี” กล่าวว่า ธุรกิจโรงพยาบาลยันฮีมีจุดแข็งคือบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากครอบครัวผู้บริหารเป็นแพทย์ทั้งหมดยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานมาตั้งแต่ก่อตั้งโรงพยาบาล แพทย์รุ่นใหม่ที่จะเข้าทำงานก็ต้องผ่านการคัดกรองอย่างละเอียด ทุกคนในองค์กรอยู่กันแบบครอบครัว เปิดรับความคิดเห็นกันทั้งการทำงานและพัฒนาด้านต่างๆ

ขณะเดียวกันแนวคิดของการบริหารจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่มาสู่รุ่นลูก คือการบริหารงานในจุดเดียวให้เติบโตแบบยั่งยืนเพียง 3-5% ในทุกปี ตามภาวะเศรษฐกิจและจำนวนประชากร ดังนั้นโรงพยาบาลยันฮีจึงไม่มีสาขาอื่นหรือสาขาย่อย แต่จะขยายแบรนดิ้งด้วยการใช้โปรดักส์ Non-Hospital ให้ชื่อแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า ซึ่งในอนาคตอีก 3-5 ปี ต้องมาดูกันอีกครั้งว่าแนวคิดการบริหารแบบนี้จะต้องเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร เพราะต้องเติมความรู้พัฒนาศักยภาพการบริหารงานอยู่ตลอดเวลา

เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

ปัจจุบันธุรกิจเฮลท์แคร์ หัตถการความงามหรือการศัลยกรรมได้รับความนิยมและสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การแข่งขันก็ค่อนข้างสูงจากปัจจุบันที่มีคลินิกและโรงพยาบาลด้านความงามราว 4,000 แห่งทั่วประเทศ แต่โรงพยาบาลยันฮีจะเน้นไปที่การทำหัตถการขนาดใหญ่รองรับภาวะฉุกเฉินแบบครบวงจรในจุดเดียว ให้ความปลอดภัยกับลูกค้าที่เข้ามารับบริการเป็นอันดับแรก

นอกจากเดินหน้าธุรกิจโรงพยาบาลยันฮี แบรนด์สินค้ายันฮีมีแผนรุกตลาดเพิ่มด้วยการส่งโปรดักส์ใหม่สู้ตลาด คือ ยาลดน้ำมูก มูกฟี่ (MOOKFY) และเครื่องดื่มรสชาติใหม่ โดยใช้คอนเซ็ปต์ “อยากสวยต้องยันฮี” ให้ทุกสินค้าเข้าไปอยู่ในใจคน ซึ่งเป็นแบรนด์ Mass Market ที่มีราคาให้คนทุกระดับเข้าถึงได้ และเมื่อเจ็บป่วยหรืออยากสวยก็ให้นึกถึงยันฮี ส่วนนี้จะยกระดับขึ้นมาเป็น Premium Market

“ในส่วนโรงพยาบาลมีการรีโนเวทห้องพักผู้ป่วยเพิ่มเติม ในแผนกศัลยกรรม แผนกสกินแคร์ แผนก Anti-Aging และทันตกรรมที่มีมากถึง 83 ยูนิต และมีแผนขยายเพิ่มเติมให้ถึง 100 ยูนิตในอนาคต หากคิดเป็นมาร์เก็ตแชร์ในตลาดศัลยกรรมของไทยคาดว่าติด TOP 3 ในใจของลูกค้าอย่างแน่นอน”

เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

ด้านธุรกิจเครื่องดื่มวิตามิน (Functional Drinks) จากบริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จํากัด ถือว่าบูมมากในช่วงโควิด-19 อาทิ เก๊กฮวย น้ำเฉาก๊วย น้ำสตรอเบอร์รี่ น้ำลิ้นจี่ น้ำกัญชา น้ำแคลเซียม รวมถึงน้ำดื่ม ฯลฯ และที่จะเปิดตัวใหม่ล่าสุดคือบิวติ ดริ้งค์ โดยมีบางรสชาติที่ผลิตเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้บริโภค เช่น น้ำเก๊กฮวย และเกลือแร่ และบางรสชาติที่ลดลงตามความต้องการของผู้บริโภคและตามกฏหมายกำหนดเช่น น้ำกัญชา

ส่วนเครื่องสำอาง ยาและอาหารเสริมของบริษัท ยาอินไทย จำกัด จะผลิตผลิตภัณฑ์วิตามิน เซรัม น้ำตบ ยาแต้มสิว เจลกระชับหน้าอก ยาสามัญประจำบ้าน และมีแผนจะออกแบรนด์ในชื่อ “ยีฮัน By ยันฮี” ให้มีความทันสมัยคล้ายชื่อเกาหลี เพราะมีสารตั้งต้นในการผลิตจากเกาหลีที่นำเข้ามาผลิตในประเทศไทย คาดว่าโปรดักส์ที่จะออกสู่ตลาดในไตรมาสแรกจะเป็นลิปสติกแบบซอง

เปิดวิชัน “สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” รับไม้ต่อ สยายปีกอาณาจักร รพ.ยันฮี

“สินค้าของยันฮีจะกระจายอยู่ตาม 7-Eleven, แม็คโคร, โลตัส และร้านค้าตามต่างจังหวัดทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนอลเทรด ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 จะโปรโมทยันฮีบิวติ ดริ้งค์ และเกลือแร่ เพื่อรับหน้าร้อนและบุกตลาดจีน คาดว่าส่วนนี้อยากเติบโตขึ้นจากเดิม 10% ถัดมาคือเครื่องสำอาง เมื่อเข้าช่วงหน้าฝนจะมีเปิดตัวหนังโฆษณายา ตั้งเป้าเติบโตไว้ 10-15% ส่วนโรงพยาบาลยันฮี คาดว่ารายได้ในปี 2568 จะยังทรงตัวประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยยังคงตั้งเป้าการเติบโตรวมไว้ 5%”