รู้จักเทคนิค “IVL” สลายหินปูนในหลอดเลือดด้วยคลื่นกระแทก

หนึ่งในโรคอันตรายที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ก็คือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดที่เสื่อมสภาพตามอายุ และ ความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน ไขมันสูงและความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจมีคราบไขมัน (Plague) ซึ่งเป็นการสะสมของสารจำพวกไขมัน คลอเรสเตอรอล แคลเซียม เกิดการอักเสบบริเวณผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน จนเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ตามปกติ ส่งผลให้มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก และนำไปสู่อาการหัวใจวาย

ในแง่ของการรักษานั้น วิธีที่เป็นมาตรฐานและรู้จักกันดีก็คือ การรักษาด้วยยา การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด (Percutaneous coronary intervention: PCI) และการผ่าตัดบายพาส (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) ซึ่งเป็นวิธีผ่าตัดแบบเปิดทรวงอก มีการต่อเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจทำทางเบี่ยงเสริม บริเวณที่มีการตีบหรือตันเพื่อให้เลือดไหลผ่านได้ดีขึ้น ซึ่งมักใช้ในการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบซับซ้อน แต่กรณีที่ผู้ป่วยไม่ต้องการผ่าตัด แพทย์สามารถพิจารณารักษาด้วยวิธี ขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวดแทนการผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม ในเคสที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญ ของแพทย์เฉพาะทางซึ่งไม่ได้มีทุกโรงพยาบาล โดย รศ. นพ.สุวัจชัย พรรัตนรังสี แพทย์โรคหัวใจผู้ชำนาญการ ด้านการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบซับซ้อน โรงพยาบาลเมดพาร์ค เปิดเผยว่า ในผู้ป่วยรายที่มีหินปูนเกาะ หนามาก แพทย์จะใช้อุปกรณ์พิเศษ “โรตาเบลเตอร์ (Rotablator)” มาช่วยกรอหินปูนพร้อมกับสอดบอลลูนเข้าไป ขยายหลอดเลือด แต่ในบางราย แม้จะใช้โรตาเบลเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดแล้วก็ยังที่หลงเหลือหินปูนที่ผนังหลอดเลือดอยู่

ปัจจุบันวิธีการรักษาพัฒนาไปมากขึ้น มีเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า การสลายหินปูนในหลอดเลือด ด้วยคลื่นกระแทก (Shockwave Intravascular Lithotripsy : IVL) โดยแพทย์จะสอดเครื่องมือเข้าไปในหลอดเลือด แล้วทำการปล่อยคลื่นกระแทก เพื่อทำให้หินปูนที่หลงเหลืออยู่บริเวณผนังหลอดเลือดนิ่มขึ้น และถูกทำลายสลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ วิธีดังกล่าวมีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บหรือเกิดอันตรายต่อผนังหลอดเลือด และยังทำให้บอลลูนสามารถกางออกได้เต็มที่ด้วย หากใช้คลื่นกระแทกร่วมกับโรตาเบลเตอร์ จะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ ในผู้ป่วยที่เคยทำ PCI และใส่ขดลวดมาแล้วพบการตีบซ้ำในตำแหน่งเดิมเนื่องจากขดลวดขยายไม่เต็มที่เพราะมีหินปูน หากต้องการทำ IVL เสริม เพื่อป้องกันการกลับมาตีบซ้ำก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งเทคนิคนี้ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ที่นำมาใช้ในผู้ป่วยเคสที่มีความเสี่ยงสูง และประสบความสำเร็จ ผลการรักษาออกมาค่อนข้างดี และเป็นที่น่าพอใจ

IVL เป็นอีกหนึ่งขั้นของความก้าวหน้าในการรักษา ที่ช่วยคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจได้อย่างแท้จริง โดย ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเมดพาร์ค มีความพร้อมในการดูแล รักษา ด้วยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางหลากหลายสาขา ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ทำงานร่วมกันเป็นทีม นอกจากนี้ ยังมีห้องผ่าตัดระบบไฮบริด ที่ติดตั้งเครื่องถ่ายภาพเอกซเรย์หลอดเลือดแบบสองระนาบ เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้แพทย์สามารถสวนหลอดเลือดและผ่าตัดได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมรองรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทางโรงพยาบาลเมดพาร์ค ยังคงพยายามค้นหานวัตกรรม เทคโนโลยี เครื่องมือทางการแพทย์ใหม่ ๆ มาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากรักษา