รับมือ "เชื้อโนโรไวรัส" ตัวการอุจจาระร่วงเฉียบพลันในเด็ก

10 พ.ย. 2566 | 20:15 น.

กรมควบคุมโรค เผย สถานการณ์อุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อโนโรไวรัส 10 เดือนป่วยแล้ว 6.1 แสนราย เสียชีวิต 1 ราย เตือนระวังการรับประทานอาหาร-น้ำร่วมกัน หลังพบการระบาดในโรงเรียน 103 ราย เป็นนักเรียน 88 ราย เจ้าหน้าที่ 15 ราย

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 ได้รับแจ้งพบเหตุการณ์ระบาดของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันเป็นกลุ่มก้อนในโรงเรียนจากเชื้อโนโรไวรัส มีผู้ป่วย 103 ราย เป็นนักเรียน 88 ราย และเจ้าหน้าที่อีก 15 ราย ขณะที่ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ต.ค. 66 พบผู้ป่วยทั่วประเทศแล้ว 610,362 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงเรียนเปิดเทอมเป็นช่วงที่เด็กนักเรียนรวมกลุ่มทำกิจกรรมและมีการรับประทานอาหารและน้ำร่วมกัน หากอาหารและน้ำไม่สะอาด ปนเปื้อนเชื้อก่อโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส พยาธิ

ประกอบกับสภาพอากาศที่มีความชื้นและเย็นเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคบางชนิดโดยเฉพาะไวรัส จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันได้

อาการส่วนใหญ่ที่พบ มีการอาเจียน เป็นไข้ ถ่ายเหลว ซึ่งเชื้อนี้พบบ่อยในช่วงฤดูหนาวและสามารถติดต่อจากการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง การรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน การสัมผัสพื้นผิวหรือวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อและนำเข้าปากโดยไม่ได้ล้างมือ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน โดยมักพบการปนเปื้อนในน้ำดื่ม น้ำแข็ง และอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ผักผลไม้สด เป็นต้น

จึงขอเน้นย้ำให้ครู ผู้ปรุงประกอบอาหาร นักเรียนและประชาชน ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย โดยเฉพาะในโรงเรียนหรือสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อทางอาหารและน้ำได้ 

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแนะนำการรักษาเบื้องต้นว่า เมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน แนะนำให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้

หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำหรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด หรืออาเจียนจำนวนมาก ปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อยหรือปัสสาวะไม่ออก หายใจหอบเหนื่อย เป็นต้น ควรรีบไปสถานบริการสาธารณสุขทันที

มาตรการป้องกันให้ยึดหลัก "กินสุก-ร้อน-สะอาด" 

1.สุก รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ  

2.ร้อน อาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง  

3.สะอาด ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงประกอบ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรก รวมถึงเลือกบริโภคน้ำดื่ม น้ำแข็งที่สะอาดได้มาตรฐาน มีเครื่องหมาย อย. หรือ GMP หรือดื่มน้ำต้มสุก สำหรับน้ำดื่มตู้กรองหมั่นทำความสะอาดและตรวจสอบคุณภาพ ไส้กรองเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422