"กินเจ 2566" เปิดข้อดีกินเจ และข้อเสียต่อสุขภาพที่ควรระวัง

14 ต.ค. 2566 | 00:07 น.

เทศกาลกินเจ 2566 ( 15-23 ต.ค. 66) เปิดข้อดีกินเจได้บุญใหญ่ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อเสีย พร้อมข้อแนะนำ"กินเจทานได้แต่ต้องระวัง"

"เทศกาลกินเจ" หรือ ประเพณีถือศีลกินผัก ถือเอากำหนดวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี สำหรับเทศกาลกินเจ 2566 ปีนี้ตรงกับวันที่ 15 -23 ตุลาคม 2566 รวม 9 วัน  9 คืน 

เทศกาลกินเจ

คำว่า เจ (齋 )หรือไจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานมีความหมายเดียวกับคำว่า "อุโบสถ" คนเชื้อสายจีนบางคนถือเป็นประเพณีและความเชื่อทางศาสนาที่จะถือศีลกินเจเพื่อชำระร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ ขณะที่คนไทยเชื้อสายจีนการกินเจเป็นการรักษาศีล 8 เป็นการสักการบูชาแก่พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์กวนอิมหรือเจ้าแม่กวนอิม

"กินเจ" ดีอย่างไร 

กินเจ ได้บุญใหญ่ : เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่กินเจจึงได้ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถือเป็นการสร้างบุญ ช่วยชำระล้างใจให้ใสสะอาด ทำให้จิตใจผ่องใสมากขึ้น 

กินเจ เพื่อละเว้นกรรม : ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าก็ตาม แต่การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพื่อการบริโภค การงดบริโภคเนื้อสัตว์ จึงเป็นการช่วยชีวิตสัตว์นับพันนับหมื่นชีวิต ช่วยลดกรรมของเราได้มากขึ้น

 

ที่น่าสนใจ การกินเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลและรักษาประเพณีแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ดังนี้

1.กินเจช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพัก

อาหารเจส่วนใหญ่จะเน้นพืชผักเป็นหลัก ผสมกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจากถั่วซึ่งย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์และไขมันมาก จึงทำให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนัก ๆ มาตลอดทั้งปี ทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย

2.ล้างพิษให้ร่างกาย

ผักและผลไม้เป็นกากใยชั้นเลิศที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายและการย่อยอาหารของเราทำงานได้ดี ช่วยขับของเสีย สารพิษที่ตกค้างในร่างกายออกมา ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกที่เป็นปัญหาเรื้อรังสั่งสมในร่างกาย

3.ลดความเสี่ยงโรคร้าย

อาหารเจจำพวกผัก ผลไม้มีเส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 

4.ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

การกินเจก็ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นขึ้นได้ เพราะวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระในผัก ผลไม้ต่างๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่ง สดใส ไม่หย่อนคล้อยก่อนวัย

5.ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย

เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ จะทำให้เลือดได้รับการฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ มีผลต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเสื่อมสลายช้าลง เราจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ

6. ลดความอ้วน

การกินเจ ควรเลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว ของนึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด ลดเมนูหวานน้อยลง ดื่มนมถั่วเหลืองไม่เกินวันละ 2-3 กล่อง

 

ข้อเสียของการกินเจ

1.ร่างกายอาจได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ

เนื่องจากอาหารเจส่วนใหญ่เป็นพืช ผัก ผลไม้  อาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารจากโปรตีนอย่างเพียงพอ  และประโยชน์อาจไม่เท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์จริง ๆ

2.ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่

โดยเฉพาะโปรตีนที่ส่วนใหญ่ได้จากเนื้อสัตว์ จึงต้องหาวัตถุดิบมาทดแทน เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวโพด ข้าวสาลี เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน

3.เสี่ยงอ้วน

อาหารเจ มีความมันที่เกิดจากการทอด หากไม่ระวังน้ำหนักอาจเพิ่มเสี่ยงอ้วนได้

4.ยุ่งยากในการหาอาหารทดแทน

โดยปกติแล้ว ร่างกายเราต้องการสารอาหารให้ครบ 5 หมู่  หากการกินเจ มีระยะเวลานานออกไป ร่างกายจะขาดสารอาหารบางชนิดได้ จึงทำให้ต้องหาสารอาหารมาทดแทน ซึ่งประโยชน์ต่อร่างกายจะไม่ได้คุณค่าเหมือนของจริง

ข้อแนะนำ

กินเจ ทานได้เเต่ต้องระวัง

  • ชาหรือกาเเฟ ไม่ใส่นม หรือ ครีมเทียม
  • ขนมปังสูตรเจ หรือปราศจากนมเท่านั้น
  • อาหารเสริม ไม่มีสารสกัดจากเนื้อสัตว์
  • ขนม ที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์
  • พริกไทย ทานได้
  • บะหมี่สำเร็จรูป (สูตรเจ )
  • ช็อคโกเเลต ที่เป็นดาร์กช็อคโกแลต 100% เท่านั้น
  • ผงปรุงรส เป็นสูตรที่ทำจากพืชปราศจากเนื้อสัตว์

กินเจทานได้ แต่ไม่แนะนำ

  • น้ำอัดลม (ไม่มีข้อห้าม แต่น้ำตาลสูงเกินไป)
  • ผงชูรส (แม้จะทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลจากอ้อย แต่ผงปรุงรสอาหารอื่นๆ มักผสมเนื้อสัตว์)ช็อคโกแลต (ส่วนใหญ่มีนมเป็นส่วนผสม แต่หากทานดาร์คช็อคโกแลต 100% ก็สามารถทำได้ แต่หายาก)


ข้อมูล :  สสส.,โรงพยาบาลจุฬารัตน์ อินเตอร์ 11