สธ.เพิ่ม “โรคจากรังสีแตกตัว” รับมือสารกัมมันตรังสี หลังเจอ ซีเซียม-137

04 พ.ค. 2566 | 04:35 น.

คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข ไฟเขียวเพิ่ม “โรคจากรังสีแตกตัว” รับมือสารกัมมันตรังสี หลังเจอ ซีเซียม-137 พร้อมประกาศเขตเฝ้าระวัง ควบคุมฝุ่น PM2.5

จากกรณีการเหตุการณ์กัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" หายจากบริษัทผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดปราจีนบุรี และถูกนำเข้าเตาหลอมเหล็กในโรงงานหลอมเหล็ก จนหลายคนหวั่นวิตกว่าจะกลายเป็นผลกระทบต่อสุขภาพ ล่าสุด คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบประกาศเพิ่ม “โรคจากรังสีแตกตัว” เพื่อรองรับเหตุการณ์ในลักษณะนี้แล้ว

 

คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข

 

เพิ่ม “โรคจากรังสีแตกตัว”

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุรายละเอียดว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เห็นชอบการประกาศกำหนดชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม โดยเพิ่ม “โรคจากรังสีแตกตัว” เข้ามาด้วย 

ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์เรื่องสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ทำให้สังคมเกิดความกังวล ซึ่งเมื่อถูกกำหนดไว้ตามกฎหมายแล้ว จะทำให้มีแนวทางจัดการสารกัมมันตรังสีและการตอบโต้ได้ทันสถานการณ์ หากพบผู้ที่มีอาการเข้าได้กับนิยามอาการสำหรับการเฝ้าระวัง เช่น มีตุ่มน้ำ มีผื่น มีเรื่องของมะเร็งต่าง ๆ จะได้เกิดการเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ แต่ย้ำว่าไม่ใช่อาการสำหรับวินิจฉัยขั้นสุดท้ายว่าเป็นโรค 

การเฝ้าระวัง “โรคจากรังสีแตกตัว”

การเฝ้าระวังมีความสำคัญเพราะบางครั้งการเกิดโรคขึ้นมาคนเดียวจะไม่ผิดสังเกต แต่หากเกิดพร้อมกันหลายคนในช่วงเวลาเดียวกัน มีปัจจัยเสี่ยงเดียวกัน จะเป็นความสำคัญทางระบาดวิทยา ที่ต้องไปหาสาเหตุจบพบต้นตอ และการที่ต้องแยกมาเป็นโรคจากการประกอบอาชีพฯ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการชดเชยและทดแทน ในส่วนของกฎหมายด้านแรงงานด้วย 

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในเรื่องของคำศัพท์เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ก่อนที่จะออกเป็นร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมต่อไป

 

คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข

ประกาศเขตเฝ้าระวัง ควบคุมฝุ่น PM2.5

ที่ประชุมยังเห็นชอบการประกาศเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กรณีฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562 แบ่งกลไกการออกประกาศเป็น 2 ส่วน คือ 

1.การใช้มาตรา 14 (2) คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจในการเสนอเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม เป็นการเฉพาะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเฝ้าระวังในภาพรวมระดับประเทศหรือหลายจังหวัดรวมกัน 

2.การใช้มาตรา 35 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากปล่อยไว้อาจเกิดหรือก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในเขตพื้นที่ 

โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคมอบหมาย โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพฯ จังหวัด/กทม. มีอำนาจประกาศเขตพื้นที่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน หรือควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประกาศยกเลิกเมื่อมีเหตุอันสมควรหรือสภาวการณ์ของโรคนั้นสงบลง

 

ประธานคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข

 

หลักเกณฑ์เฝ้าระวังควบคุมโรค

ทั้งนี้ การประกาศกำหนดเขตพื้นที่ ให้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเฝ้าระวังการป้องกัน หรือการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพหรือโรคจากสิ่งแวดล้อม ที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรวดเร็วหรือกว้างขวาง เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำหรับเขตพื้นที่นั้นเป็นการเฉพาะ 

หรือกำหนดมาตรการอื่นใดที่เหมาะสมแก่สภาพของพื้นที่นั้นเป็นการเฉพาะได้ เช่น ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ท้องถิ่นและประชาชนต้องทำอะไร ถ้าไม่ทำจะมีบทลงโทษอย่างไร คล้ายการควบคุมโรคโควิด 19 ซึ่งมาตรการจะดูทั้งเรื่องการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ การป้องกัน และการรักษา ซึ่งต้องใช้กับกฎหมายหลายฉบับมาประกาศร่วมกัน 

นอกจากนี้ ยังสามารถประกาศกำหนด ประเภท ขนาด และลักษณะของแหล่งกำเนิดมลพิษ และประเภทหรือกลุ่มของประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือตัวเลขค่าฝุ่น PM 2.5 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ของการประกาศว่าเป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง เขตพื้นที่ควบคุม หรือเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด