อนามัยโพลระบุชัดประชาชนกว่า 75% กังวลมากกรณี “ซีเซียม–137” หาย

28 มี.ค. 2566 | 09:04 น.

อนามัยโพลระบุชัดประชาชนกว่า 75% กังวลมากกรณี “ซีเซียม–137” หาย เดินหน้าพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างอาหารและน้ำบริเวณใกล้เคียงเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์หาสารปนเปื้อน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจความเห็นของประชาชนต่อเหตุการณ์กัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" หายจากบริษัทผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดปราจีนบุรี และถูกนำเข้าเตาหลอมเหล็กในโรงงานหลอมเหล็กดังกล่าว ผ่านทางอนามัยโพล ตั้งแต่วันที่ 23-24 มีนาคม 2566 จำนวน 379 คน พบว่า 

ประชาชนได้ทราบข่าวและรู้สึกกังวลมากถึง 75.5% ในขณะที่ 23.5% ทราบข่าวแต่ไม่รู้สึกกังวลหรือไม่สนใจข่าวนี้ และ 1%. ไม่ทราบข่าว 

สำหรับเหตุผลที่ประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับซีเซียม-137 ที่พบมากที่สุด คือ การแพร่กระจายและตกค้างในสิ่งแวดล้อม 93.7% รองลงมา คือ กังวลถึงผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว 89.8% 

และไม่มั่นใจในการดูแลจัดการของโรงงานกลัวเกิดเหตุการณ์ซ้ำ 62.9% โดยประชาชนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว 80.2% ข้อมูลด้านความปลอดภัยของอาหาร ผัก ผลไม้ และน้ำดื่ม 77% 

อนามัยโพลระบุชัดประชาชนกว่า 75% กังวลมากกรณี ซีเซียม–137

วิธีลดและป้องกันการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและการเข้าสู่ร่างกาย 73.6% สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้หน่วยงานสาธารณสุขดำเนินการมากที่สุด คือ การเฝ้าระวังตรวจการตกค้างในอาหารและน้ำ 80.2% 

การตรวจสุขภาพกรณีที่รู้สึกมีอาการผิดปกติ 78.6% และการสื่อสารและให้คำแนะนำด้านสุขภาพ 77.3% 

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปอีกว่า ได้มอบหมายให้สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงศูนย์อนามัยที่ 6 จังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ 
 

และเฝ้าระวังสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ในการเตรียมความพร้อมและกำหนดมาตรการฉุกเฉินรับมือกรณีเกิดอุบัติภัยจากสารเคมีในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มต้น 

ทั้งนี้ ยังได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหารและน้ำบริเวณโดยรอบชุมชน โกดัง และที่เก็บฝุ่นเหล็กดังกล่าว ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรอาทิ ปลาทะเลสด ผักและผลไม้ที่ปลูกในพื้นที่ น้ำประปาที่ใช้ในครัวเรือน น้ำจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ และน้ำบ่อตื้นที่ใช้การรดผักและผลไม้ 

นอกจากนี้ ยังจัดส่งตัวอย่างดังกล่าวไปตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อให้ทราบผลการตรวจวิเคราะห์และสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน