2 พฤศจิกายน 2565 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 กลายพันธุ์ว่า ขณะนี้ไทยเปิดประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติแต่ฤดูหนาวนี้อาจมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น การใส่หน้ากาก ล้างมือ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดยังมีความสำคัญในการช่วยลดการติดเชื้อ ส่วนการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดนั้นในปัจจุบันมีการแตกแขนงออกไปมาก แต่ยังเป็นตระกูลหรือลูกหลานของโอมิครอนอยู่ ยังไม่มีสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา
ขณะที่ภาพใหญ่ทั่วโลกจากฐานข้อมูลของ GISAID ยังคงเป็น BA.5 แต่มีการกลายพันธุ์ย่อยลงไปของแต่ละสายพันธุ์ บางตัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น XBB , BA.4.6 และ BQ.1 ซึ่งประเทศไทยก็จะเอามาดูว่า ตัวไหนบ้างที่ต้องให้ความสำคัญเพราะมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นบางพื้นที่
ทั้งนี้ แต่ละพื้นที่ของโลกจะมีการแพร่ระบาดต่างกัน เช่น แถบนี้เป็น XBB พอยุโรป อเมริกา พบ BQ.1 หรือ BA.4.6 มากขึ้น เป็นต้น และจากสถานการณ์ในยุโรปและอเมริกา พบว่า BA.4 BA.5 ถูกเบียดจาก BQ.1 BQ.1.1 มีแนวโน้มจะมาแทนที่ซึ่งอาจทำให้ภาพรวมของโลกเปลี่ยนไปด้วย ถ้ามีการเดินทางไปพื้นที่อื่น เช่น ไทย
เราก็ต้องเตรียมว่า BQ.1 จะเพิ่มในไทยมากน้อยแค่ไหน แต่เรายังไม่เห็นสัญญาณและหลักฐานยังไม่พอว่า มีอาการรุนแรงมากกว่า BA.5 และที่มีข้อมูลถึงปัจจุบัน คาดว่า ไม่น่าจะรุนแรงแตกต่างกัน นพ.ศุภกิจกล่าว
ทุกวันนี้สายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวล (VOC) ยังมีจำนวนเท่าเดิม คือ อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา และโอมิครอน ส่วนที่มีการบอกว่า น่าจะมีสายพันธุ์ใหม่แล้วยังไม่มีการประกาศเพราะสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวลให้นับรวมถึงลูกหลานของมันด้วย อย่างเดลตาที่มีกลายพันธุ์มากแล้วบอกว่าน่าจะเป็นตัวใหม่หรือตัวพาย
เป็นสายพันธุ์น่าห่วงกังวลใหม่ ก็ไม่ใช่ เพราะถูกจัดชั้นเป็น AY.103 ยังเป็นลูกหลานเดลตา ในGISAID ก็ยังพบแค่รายเดียว เมื่อสืบสาวต้นตอกลับไปได้ ถ้าไม่ได้แปลกประหลาดจนหาตัวไม่เจอว่า มาจากไหน ยังให้นับเป็นสายพันธุ์ที่มีมาแต่ก่อน
ส่วนสายพันธุ์ BA.4.6 ที่เฝ้าระวัง เนื่องจากเมื่อเทียบกับ BA.1 BA.2 BA.4 และ BA.5 พบว่า ภูมิคุ้มกันจากคนรับวัคซีนหรือติดเชื้อมาก่อน ลบล้างเชื้อหรือฆ่าเชื้อ BA.4.6 ได้น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง แปลว่า วัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาจะได้ผลต่อตัวนี้น้อยลงไปครึ่งหนึ่ง
ส่วน BA.2.3.20 เราเพิ่งพบในไทยรายแรกๆ แต่พบที่อื่นในโลกมาก่อนแล้ว ซึ่งเป็นตัวหนึ่งที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้จับตาดู โดยสายพันธุ์ย่อยที่ WHO ให้ติดตาม ไทยเราพบและรายงาน GISAID แล้ว ได้แก่
สำหรับสายพันธุ์ BA.4.6 ที่เราพบเพิ่มเติมเป็นรายที่ 3 คือ ชายไทยอายุ 59 ปี ติดเตียง ญาติไม่มีใครติดเชื้อจากผู้ป่วย แสดงว่าอาจไม่ได้แพร่เร็วหรือง่าย ครบเวลากักตัวอาการสบายดี
ส่วน BA.2.3.20 ที่เราเพิ่งพบใหม่ 2 ราย รายแรกเป็นชายสัญชาติจีนอายุ 49 ปี มีอาการเหมือนโควิดทั่วไป คือ ไอ เจ็บคอ ไม่ได้มาจากต่างประเทศ ให้ประวัติว่าอยู่ในไทยมาแล้วสักพัก หลังครบกักตัวหายดี ไม่มีปัญหา อีกรายเป็นเด็กหญิงไทยอายุ 10 ปี ครบกักตัวสบายดีเช่นกัน
ขณะที่ สายพันธุ์ BQ.1 ที่พบเพิ่มเป็นรายที่ 2 ของไทย เป็นชายไทย เดินทางกลับจากอิตาลี ครบกักตัวสบายดี
สายพันธุ์ XBB พบเพิ่มอีก 3 ราย ได้แก่ หญิงชาวสิงคโปร์อายุ 76 ปี เด็กหญิงไทยอายุ 10 ปี และหญิงไทยอายุ 44 ปี ทุกรายอาการไม่มาก สบายดี หายกลับบ้านได้ ซึ่ง XBB มีรายงานเพิ่มในภูมิภาคนี้ และเริ่มมีลูกหลานคือ XBB.1 รายงานทั่วโลก 772 ราย
"ไทยยังมีการตรวจตัวอย่างแบบเร็วทุกสัปดาห์ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาตรวจ 143 ราย พบว่า เจอ BA.2.75 ถึง 10 รายในบางพื้นที่ ซึ่งเดิมบางสัปดาห์เราเจอ 3-5 ราย ถือว่าเพิ่มขึ้น จะต้องติดตามเฝ้าระวังต่อไป โดยอนาคตเราจะจับตาดู BQ.1 ที่เพิ่มจำนวนเร็ว เราจะเพิ่มน้ำยาตรวจจำเพาะต่อ BQ ทั้งหลายด้วย ว่าจะเพิ่มขึ้นเหมือนยุโรปและอเมริกาหรือไม่" นพ.ศุภกิจ ระบุ