ระวัง! แผลในปากเรื้อรัง ที่ไม่ใช่ร้อนใน อาจเป็น"มะเร็งช่องปาก"

04 พ.ค. 2566 | 19:05 น.

มะเร็งช่องปากเป็นโรคติด 10 อันดับแรก ของมะเร็งที่พบมากสุดในประเทศไทย และมีอัตราเสียชีวิตสูงมากกว่าร้อยละ 50 มาทำความรู้จักและวิธีป้องกัน กับ ทพญ.วิภาพร พรสินศิริรักษ์ ฝ่ายทันตกรรม รพ.จุฬาลงกรณ์

 

มะเร็งช่องปาก เป็นโรคที่ติด 10 อันดับแรกของมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่มีความรุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตสูงมากกว่าร้อยละ 50 
 

ลักษณะเด่น แดง-ขาว-แผล-ก้อน

  • รอยโรคคล้ายแผลร้อนใน แต่ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์
  • แผลจะใหญ่ขึ้นเป็นก้อนเนื้อบวมโต ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนมีก้อนติดอยู่ในลำคอ
  • อาจมีอาการชา เจ็บปวด หรือมีเลือดไหลในช่องปากโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีอาการกลืน เคี้ยวอาหารลำบาก พูดและอ้าปากได้น้อย เสียงเปลี่ยน เจ็บในหู 
  • น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว 

 

ระวัง! แผลในปากเรื้อรัง ที่ไม่ใช่ร้อนใน อาจเป็น\"มะเร็งช่องปาก\"

 

ปัจจัยเสี่ยง

  • 1.การสูบบุหรี่ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งช่องปากมากขึ้นถึง 6 เท่า 
  • 2.การดื่มสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูบบุหรี่ร่วมกับดื่มสุรา เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น 15 เท่า
  • 3.การเคี้ยวหมากพลู สูบยาเส้นหรือยาฉุน ซึ่งมีสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่
  • 4.พันธุกรรม ผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งช่องปาก มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไป 
  • 5.มีบาดแผลเรื้อรังในช่องปากจากพันผุ ฟันบิ่น ฟันปลอมหลวม ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำๆ จนเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง
  • 6.โรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก พบว่าสามารถทำให้เกิดมะเร็งในช่องปากได้ โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 (HPV 16)

 

ระวัง! แผลในปากเรื้อรัง ที่ไม่ใช่ร้อนใน อาจเป็น\"มะเร็งช่องปาก\"

 

การป้องกันเพื่อลดความเสี่ยง

  • 1.ลดความเสี่ยงในการทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก เช่น ลดการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การเคี้ยวหมากพลู การสูบยาเส้น หรือ ยาฉุน
  • 2.รับประทานอาหาร ผักและผลไม้หลากหลายชนิดที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • 3.ดูแลรักษาสุขภาพของช่องปากและฟันด้วยตนเองให้สะอาดอยู่เสมอ ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันทุก 6 เดือน หากมีความผิดปกติใดๆ เช่น ฟันผุ ฟันบิ่น ฟันปลอมหลวม ให้รีบพบทันตแพทย์

 

ระวัง! แผลในปากเรื้อรัง ที่ไม่ใช่ร้อนใน อาจเป็น\"มะเร็งช่องปาก\"

 

การรักษา

มีหลายวิธี เช่น

  • การผ่าตัด
  • การให้รังสีวิทยา
  • การรักษาด้วยเคมีบำบัด
  • การใช้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Target Drug Therapy)

 

ที่มา : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย