5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ XBB.1.5 ตัวจี๊ดในบรรดาโควิดสายพันธุ์ย่อย

15 ม.ค. 2566 | 00:45 น.

XBB.1.5 เป็นเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์หลักในหมู่ผู้ติดเชื้อโควิดของสหรัฐอเมริกา ณ ปัจจุบัน อนามัยโลกได้เผยแพร่ข้อมูลประเมินความเสี่ยงของ XBB.1.5 ล่าสุดไว้ดังนี้

 

โลกจำเป็นต้องทำความรู้จัก XBB.1.5 เชื้อ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังระบาดหนักจนกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในหมู่ผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐอเมริกา ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เผยแพร่ข้อมูลประเมินความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ XBB.1.5 ล่าสุด มีรายละเอียดน่าสนใจ ดังนี้ 

 

1.ความรวดเร็วของการแพร่ระบาด

ล่าสุด นับตั้งแต่ 22 ตุลาคม 2565 ถึง 11 มกราคม 2566 มีรายงานการตรวจเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 พบทั่วโลกใน 38 ประเทศ โดยประเทศที่ส่งรายงานการตรวจพบมาก 3 อันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก

ที่น่าจับตาคือ อัตราการขยายตัวของการระบาดในสหรัฐอเมริกานั้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากสัปดาห์ละ 1% (ณ สัปดาห์ที่ 47) เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 8% (ณ สัปดาห์ที่ 50) ภายใน 3 สัปดาห์เท่านั้น โดยมีการแพร่ระบาดมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ประมาณการว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ XBB และ XBB.1.5 เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 ในสหรัฐคิดเป็น 44.1% นับจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. เพิ่มจากช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ที่ 25.9%

มาเรีย แวน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาอาวุโสของ WHO กล่าวว่า เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 เป็นเชื้อที่ระบาดเร็วที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีการกลายพันธุ์สูง ทำให้เชื้อเข้าไปเกาะติดกับเซลล์และแบ่งตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

ไวรัสสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นี้ เป็นลูกหลานในตระกูล XBB

2. XBB.1.5 มาจากไหน

สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นี้ เป็นลูกหลานในตระกูล XBB ซึ่งข้อมูลปัจจุบันชี้ชัดว่า ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากที่สุดในทุกสายพันธุ์ของโควิด-19 ที่เคยมีมา โดย XBB.1.5 นั้นดื้อเทียบเท่ากับสายพันธุ์ XBB.1

ทั้งนี้ XBB.1.5 เป็นไวรัสสายพันธุ์ย่อยของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งเป็นเชื้อโคโรนาไวรัสที่ระบาดมากที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ และเป็นสายพันธุ์ย่อยของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ XBB ที่ตรวจพบครั้งแรกเมื่อเดือนต.ค. 2565 โดยไวรัสสายพันธุ์ XBB เป็นการกลายพันธุ์จากการรวมตัวกันของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน 2 สายพันธุ์

 

3.ความรุนแรงเมื่อติดเชื้อ

ในแง่ความรุนแรงของโรคนั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าจะรุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่ระบาดอยู่หรือไม่ “ยังไม่มีตัวบ่งชี้ว่าระดับความรุนแรงของไวรัสจะเปลี่ยนไป แต่ความเร็วของการระบาดที่เพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่น่ากังวล” รายงานของ WHO ระบุ

 

4. ไม่มีหลักฐานว่าทำให้เสียชีวิตมากกว่าสายพันธุ์อื่น

แวน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาอาวุโสของ WHO กล่าวว่า อาจมีการระบาดระลอกใหม่ ๆ ทั่วโลก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีการเสียชีวิตระลอกใหม่เกิดขึ้น เนื่องจากหลายประเทศมีการฉีดวัคซีนและการบำบัดรักษาที่ดีขึ้นเพื่อรับมือการระบาดของโรคโควิด-19

WHO ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การที่มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ เป็นเพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ (XBB.1.5) โดยเฉพาะ เนื่องจากมีการระบาดของเชื้อไวรัสอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอยู่เช่นกัน

ด้านนักไวรัสวิทยาอย่างศาสตราจารย์แอนดริว พอลลาร์ด ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยวัคซีน Oxford Vaccine Group กล่าวว่า ยังไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลว่า เชื้อไวรัส XBB.1.5 จะรุนแรงกว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ยังคงกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

 

XBB.1.5 นี้มีแนวโน้มที่จะระบาดมากขึ้นทั่วโลกได้ จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด

 

5.อนามัยโลกรับมือโควิดสายพันธุ์นี้อย่างไร

WHO ประเมินว่า สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นี้มีแนวโน้มที่จะระบาดมากขึ้นทั่วโลกได้ จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวัง ติดตามอย่างใกล้ชิด ภูมิภาคที่มีการขยายตัวของการระบาดมาก คือในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป แต่ทวีปอื่นๆ ก็มีการตรวจพบเพิ่มขึ้นรวมทั้งในแอฟริกา แม้ยังไม่มากนัก

คณะที่ปรึกษาด้านวิชาการของ WHO เกี่ยวกับวิวัฒนาการของไวรัส กำลังประเมินความเสี่ยงของเชื้อไวรัส XBB.1.5 อยู่ โดยศาสตราจารย์ทูลิโอ เดอ โอลิเวรา หนึ่งในคณะที่ปรึกษา กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ “ซับซ้อน” โดยเฉพาะหลังจากจีนผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์เมื่อเดือนที่แล้ว (ธ.ค.2565)

อย่างไรก็ตาม WHO กำลังติดตามความรุนแรงของเชื้อไวรัส XBB.1.5 อย่างใกล้ชิด โดยใช้ทั้งข้อมูลที่ศึกษาในห้องปฏิบัติการและข้อมูลของสถานการณ์การระบาดจริง ในการพิจารณาหาทางรับมือและป้องกัน