"WHO" ชี้โควิด19 สายพันธุ์ใหม่ BQ.1.x ครองการระบาดแทนที่ BA.5

24 ธ.ค. 2565 | 04:19 น.

"WHO" ชี้โควิด19 สายพันธุ์ใหม่ BQ.1.x ครองการระบาดแทนที่ BA.5 ระบุตรวจพบสูงสุด 42.5% ส่วน BA.2.75.x นั้นพบราว 9.8%

โควิด19 ในปัจจุบันยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

 

โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการกลายพันธุ์แตกออกเป็นสายพันธุ์ย่อย

 

ล่าสุดรศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ

 

อัพเดตจาก WHO

 

องค์การอนามัยโลกเผยแพร่รายงาน WHO Weekly Epidemiological Update รอบวันที่ 21 ธันวาคม 2565

 

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา Omicron ครองการระบาดทั่วโลก 99.7%

 

โดยภาพรวมของทั่วโลก สายพันธุ์ย่อยของ Omicron ที่กำลังถูกติดตามอย่างใกล้ชิดนั้นมี 6 สายพันธุ์ 

 

ซึ่งรวมแล้วมีสัดส่วนครองการระบาดถึง 72.9% โดยเข้ามาแทนที่ BA.5 ที่เคยครองอำนาจอยู่เดิม

 

สัปดาห์ล่าสุด พบว่า BQ.1.x ตรวจพบสูงสุด 42.5%

 

ตามมาด้วย BA.5 ที่มีการกลายพันธุ์เพิ่มตั้งแต่ 1-5 ตำแหน่ง มีสัดส่วน 13.4%

ส่วน BA.2.75.x นั้นพบราว 9.8%, XBB.x 6.1%, BA.4.6 1%, และ BA.2.30.2 พบ 0.1%

 

Dr.Maria Van Kerkhove ซึ่งเป็น WHO COVID-19 technical lead ได้ชี้ให้เห็นว่าระบบรายงานในปัจจุบันประสบปัญหาจากการที่หลายประเทศรายงานต่ำกว่าสถานการณ์จริง ทำให้ยากต่อการประเมินสถานการณ์ระบาดของโลก

 

นอกจากนี้จำนวนการตรวจสายพันธุ์ก็มีแนวโน้มลดลง จะเป็นอุปสรรคต่อการติดตามเฝ้าระวัง และได้เรียกร้องให้แต่ละประเทศวางแผนการสุ่มตรวจสายพันธุ์ เฝ้าระวังสถานการณ์ให้รัดกุมขึ้น

 

โควิด19 สายพันธุ์ใหม่ BQ.1.x ครองการระบาดแทนที่ BA.5

 

ทาง WHO ยังเตือนให้ประชาชนทั่วโลกระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายปีที่มีกิจกรรมพบปะกันมาก เทศกาลรื่นเริง จะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดมากได้

 

สถานการณ์ในอเมริกา

 

ล่าสุด BQ.1.x ครองการระบาดกว่า 80% ในขณะที่ XBB.x นั้นมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นราว 20% 

 

ทีมงานจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารการแพทย์โรคติดเชื้อ Clinical Infectious Diseases เมื่อ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา

 

สาระสำคัญคือ จากการสำรวจประชากรในช่วงมิถุนายนจนถึงกรกฎาคม 2565 ประเมินว่าขณะนี้มีคนที่ประสบปัญหาติดเชื้อแล้วเกิดภาวะ Long COVID อยู่ราว 7.3% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดในประเทศ หรือราว 18 ล้านคน

 

โดยหนึ่งในสี่ (25.3%) ของกลุ่มคนที่ประสบปัญหา Long COVID นั้น รายงานว่าส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ทั้งนี้ราวหนึ่งในสามแจ้งว่าติดเชื้อโควิด-19 มานานกว่า 12 เดือน

สำหรับไทยเรานั้น 

 

การติดเชื้อแพร่เชื้อมีจำนวนมากในแต่ละวัน จำเป็นต้องป้องกันตัวให้ดี
ระมัดระวังสถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี

 

กิจการห้างร้านต่างๆ ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม ดูแลบริการลูกค้าโดยคำนึงถึงความปลอดภัย 

 

ควรไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดเสี่ยงป่วยรุนแรง ตาย และ Long COVID

 

สำคัญที่สุดคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

 

โควิดติดไม่ใช่แค่คุณ โควิดติด ไม่จบแค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติระยะยาวได้

 

ขอให้มีความสุข ปลอดภัยกันทุกคน