ผวา! อีโบลาระบาด เสียชีวิตสูงมากถึง 50% อาการเป็นยังไง ติดต่อทางไหน อ่านเลย

26 ต.ค. 2565 | 01:27 น.

ผวา อีโบลาระบาด เสียชีวิตสูงมากถึง 50% อาการเป็นยังไง ติดต่อทางไหน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยรวบรวมข้อมูลไว้ให้แล้ว

โรคอีโบลากำลังกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะที่ประเทศยูกันดา และที่สำคัญมีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง

 

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

น่าเป็นห่วง อีโบลาระบาดอีกครั้งที่ยูกันดา เสียชีวิตมากถึง 50%

 

กระทรวงสาธารณสุขยูกันด้าและองค์การอนามัยโลก ได้แจ้งข่าวการระบาดของโรคไวรัสอีโบล่าเมื่อวานนี้ (24 ตุลาคม 2565)

 

พบว่าในหลายเมืองของประเทศยูกันด้า มีผู้ติดเชื้อแล้ว 90 ราย เสียชีวิตมากถึง 44 ราย คือเกือบ 50%

 

และแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีความรู้ ก็ยังติดเชื้อไปถึง 11 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไป 5 ราย ราวครึ่งหนึ่งเช่นกัน

 

การระบาดของอีโบลาระลอกใหม่ครั้งนี้ เป็นสายพันธุ์ซูดาน ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูง 53% แต่ก็ยังน้อยกว่าสายพันธุ์ซาอีร์ซึ่งเสียชีวิตสูงถึง 68%

 

อัตราการเสียชีวิตของอีโบลานั้น มากกว่าอัตราการเสียชีวิตของโควิด-19 อย่างมากทีเดียว

ในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วย "อีโบลา" แต่อย่างใด แต่กระทรวงสาธารณสุขไทยก็ได้ประกาศให้อีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตราย เช่นเดียวกับที่โควิด-19 เคยเป็นมาก่อน และในปัจจุบันนี้ รายชื่อโรคอีโบลาก็ยังอยู่ในกลุ่มโรคติดต่ออันตราย

 

เราจึงควรมาทำความเข้าใจ และหาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคไวรัสอีโบลาดังนี้

 

  • ชื่อโรค : โรคไวรัสอีโบลา หรือโรคไข้เลือดออกอีโบลา

 

  • เชื้อโรค : เป็นไวรัสในสกุล Ebolavirus วงษ์ Filoviridae มีสี่ชนิดได้แก่ BOBV EBOV SUDV TAFV

 

อีโบลาระบาด เสียชีวิตสูงมากถึง 50%

 

  • ระยะฟักตัว : 2-21 วัน ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 วัน

 

  • อาการและอาการแสดง : ส่วนใหญ่จะเริ่มอาการแบบเฉียบพลัน โดยมีไข้สูง ปวดหัว ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ อาจมีอาการปวดท้อง อาเจียน และถ่ายเหลว สามารถเจ็บคอ กลืนลำบาก และหายใจลำบาก นอกจากนั้นจะมีการพยากรณ์โรคที่แย่ลงอย่างมาก ถ้ามีเลือดออกร่วมด้วย โดยเลือดออกนั้นสามารถออกที่ใต้ผิวหนัง เป็นจุดแดง หรือเป็นปื้นสีม่วงดำ เลือดออกที่ตาขาว ไอเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด และสามารถมีเลือดออกจากทางช่องคลอดได้ ส่วนการเสียชีวิตนั้น ไม่ใช่เกิดจากเลือดออกจนช็อค หากแต่เป็นระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เกิดลิ่มเลือดที่มีปัญหา ทำให้หลายอวัยวะเกิดการล้มเหลว
  • การติดต่อ : เริ่มต้นติดต่อจากสัตว์มาสู่คน เท่าที่พอสืบทราบคือมาจากค้างคาว หลังจากที่มีการติดต่อคนสู่คนได้แล้ว ก็พบว่าเกิดจากการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่ง ที่สำคัญคือแม้เสียชีวิตแล้ว ไวรัสก็ยังอยู่ในศพอีกนานพอสมควร การติดต่อสู่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ก็เกิดจากเข็มและกระบอกฉีดยา

 

  • การรักษา : ยังคงใช้การรักษาประคับประคองตามอาการ

 

  • วัคซีน : ยังไม่มีวัคซีนในปัจจุบัน

 

กล่าวโดยสรุป

 

ไวรัสอีโบลา เป็นไวรัสที่มีความร้ายแรงมาก เมื่อเจ็บป่วยแล้วมีอัตราการเสียชีวิตราว 50%

 

ขณะนี้มีการระบาดเพิ่มเติมซ้ำที่ประเทศยูกันดา

 

ส่วนในประเทศไทย ยังไม่พบผู้ป่วย  แต่ได้มีมาตรการผ่านกรมควบคุมโรค ที่จะตรวจเช็คนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศยูกันดาแล้ว