น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2565 จะมีประเพณี ทอดกฐิน ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมากเพื่อประกอบกิจกรรมทางการกุศลและทำบุญ กรมอนามัยได้มีข้อแนะนำว่าขอให้ประชาชนที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีการรวมตัวของคนจำนวนมากยังคงปฏิบัติตามแนวทางป้องกันจากโรคระบาดโดยเคร่งครัด
โดยให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือต้องทำกิจกรรมที่มีคนร่วมกันจำนวนมาก หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน และให้หลีกเลี่ยง การใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า สังเกตอาการตนเอง หากมีความเสี่ยงให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ขอให้ดูแลปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษ หรือผู้ที่มีกลุ่ม 608 อยู่ในครอบครัวหากได้ออกไปร่วมกิจกรรมทำบุญแล้ว เมื่อกลับเข้าบ้านขอให้ชำระร่างกายให้สะอาดก่อนใกลชิดกลุ่ม 608 ด้วย
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในรอบสัปดาห์ ช่วงวันที่ 16-22 ต.ค. 2565 กรมควบคุมโรค ได้รายงานผลไว้ดังนี้
ส่วนจำนวนการให้วัคซีน ณ วันที่ 22 ต.ค. 2565 มีการให้วัคซีนสะสม 142,838,676 โดส เพิ่มขึ้น 3,563 โดส แบ่งเป็น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แม้สถานการณ์โควิด19 ในประเทศจะทรงตัวมีผู้ติดเชื้อใหม่ในระดับต่ำต่อเนื่อง แต่การที่ต่างประเทศได้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง และบางประเทศในยุโรป ซึ่งพบการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ XBB มากขึ้น รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข จึงยังให้ความสำคัญกับนโยบายเร่งให้วัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน เพื่อช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิต
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้มอบนโยบายให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดำเนินการภายใต้โครงการ “รวมพลัง อสม. ส่งต่อภูมิคุ้มกัน ป้องกัน 608 ให้ปลอดภัย”
โดย อสม.จะเป็นแกนนำในการค้นหากลุ่มเป้าหมายในชุมชนให้เข้ารับวัคซีนตั้งแต่ขณะนี้ถึงสิ้นปี 2565 อย่างน้อย 2 ล้านโดส และขอให้อสม. ทุกคนได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างน้อย 1 เข็ม เพื่อเป็นต้นแบบการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน