เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวนอกจากอากาศเย็นที่จะส่งผลกระทบกับสุขภาพร่างกายของเราแล้ว เรื่องของฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มักเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกันโดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ระบุว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 16 พฤศจิกายน 2568 พบว่า ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 2 – 58 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดย 6 จังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน (มากกว่า 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นสูงสุด คือ จังหวัดระยอง
กลุ่มเสี่ยงที่เป็นเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ควรติดตามสถานการณ์ฝุ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมแนะนำให้ประชาชนเช็กค่าฝุ่น
เมื่อค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐานควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น เลี่ยงทำกิจกรรมนอกอาคาร ลดการใช้รถยนต์และการเผาทุกชนิด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและลดระดับมลพิษในอากาศ
ขณะที่ สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ กทม. 7 วันข้างหน้า ระบุว่า ในวันศุกร์ที่ 21 2568 สถานการณ์ฝุ่นในภาพรวมยังมีคุณภาพปานกลาง ขณะที่ในวันเสาร์ที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 พบว่า สถานการณ์ฝุ่นเริ่มส่งผลกระทบเขตกรุงเทพตะวันออก และ กรุงธนใต้
ด้านสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้เผยแพร่เอกสารเพื่อให้ความรู้กับประชาชน พร้อมรับมือฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมคำแนะนำการใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นจิ๋วและการเลือกหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่นได้ดีที่สุด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. หน้ากาก N95
2. หน้ากากอนามัย (SURGICAL MASK)
3. หน้ากากผ้าฝ้าย
4. หน้ากากผ้ามัสลิน
5. หน้ากากฟองน้ำ
1. เลือกใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นที่ได้มาตรฐาน
2. ควรสวมหน้ากากให้กระชับกับใบหน้าและกดส่วนที่เป็นโลหะให้กระชับแนบกับสันจมูก
3. เลือกขนาดที่เหมาะสมครอบจมูกและใต้คางแนบกับใบหน้า
4. ควรทิ้งเมื่อหน้ากากชำรุดหรือสกปรก
5. ควรเปลี่ยนหน้ากากอันใหม่ทุกวัน
6. หากสวมใส่แล้วมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจหรือโรคปอดควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้หน้ากาก