KEY
POINTS
10 พฤศจิกายน 2568 นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สู่ผู้ช่วยสาธารณสุข เพื่อสวัสดิการที่ยั่งยืน จังหวัดมุกดาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 พร้อมติดตามการดำเนินงานของโรงพยาบาลมุกดาหาร
นายวรโชติ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบาย Quick Big Win ยกระดับ อสม. ให้เป็นผู้ช่วยสาธารณสุข จำนวน 10,000 คน ภายใน 4 เดือนโดยเสริมความรู้ ทักษะ สมรรถนะในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ให้สามารถบริการสุขภาพเชิงรุกแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพปฐมภูมิซึ่งเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขของประเทศ
พร้อมทั้งส่งเสริมให้ อสม. มีสวัสดิการที่มั่นคงยิ่งขึ้น โดยจังหวัดมุกดาหาร มี อสม. ผ่านการอบรมเพื่อเป็น "ผู้ช่วยสาธารณสุข" แล้ว 100 คน ซึ่งจะเข้าไปช่วยปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในระดับชุมชน ทั้งการส่งเสริมสุขภาพอนามัย สนับสนุนการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การควบคุมโรค การให้ความรู้ด้านสุขภาพกับประชาชน และ การประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การทำงานสาธารณสุขมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังได้ติดตามการดำเนินงานระบบสุขภาพและการซื้อประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศและควบคุมป้องกันโรค เนื่องจากจังหวัดมุกดาหารมีพื้นที่ชายแดนติดกับ สปป.ลาว และมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 เข้าสู่แขวงสะหวันนะเขต เป็นเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจสายตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor)
ทั้งนี้ ข้อมูลตั้งแต่ตุลาคม 2567- ตุลาคม 2568 มีแรงงงานต่างด้าวในพื้นที่กว่า 2,400 คน ส่วนใหญ่สัญชาติลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ในจำนวนนี้ได้รับอนุญาตทำงาน 1,325 คน เข้าสู่ระบบประกันสังคม 665 คน ซื้อบัตรประกันสุขภาพตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด 560 คนและมีสิทธิประกันสุขภาพเอกชน 100 คน ในส่วนของโรงพยาบาลมุกดาหารพบว่า มีการจำหน่ายบัตรประกันสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าวได้ 414 คน ซึ่งมากที่สุดในจังหวัด
ด้านนายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารมีแผนการดำเนินงาน "แรงงานต่างชาติเข้าระบบประกันสุขภาพ ลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศและควบคุมป้องกันโรค" โดยผลักดันให้มีระบบประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวผ่านกลไก "สร้างฐานข้อมูล ขับเคลื่อนศูนย์บริการ วางแนวบริหาร บริการเชิงรุก" อาทิ การจัดทำฐานข้อมูลและการวิเคราะห์ความต้องการ, สร้างกลไกการอำนวยความสะดวกในพื้นที่
โดยมีศูนย์ประสานงานสุขภาพชาวต่างชาติ (ศสต.) และให้โรงพยาบาลทุกแห่งเป็นจุดศูนย์กลางในการสื่อสารข้อมูลซื้อประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์การซื้อประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าวเพื่อให้เป็นจุดประสานงานที่พร้อมให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการดำเนินงานตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวภาคสมัครใจ รวมถึงสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น