9 เมษายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.วุฒิเดช โอภาศเจริญสุข นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และนายธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไต แถลงข่าวการพัฒนาระบบมาตรฐานและคุณภาพดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสิทธิบัตรทอง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยในอดีตนั้นเคยมีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายจำนวนหนึ่งที่ต้องเสียชีวิตเพราะเข้าไม่ถึงการรักษาแต่หลังจากปี 2551 ได้มีการบรรจุการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างมีมาตรฐานมากขึ้น
ในวันนี้การดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จะถูกยกระดับขึ้นอีกครั้งโดย สปสช. ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์กรณีบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังฉบับใหม่ซึ่งเป็นไปตามมติบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ที่เห็นด้วยตามนโยบาย PD First หรือการล้างไตทางช่องท้องเป็นทางเลือกแรก
หลักการสำคัญ คือ ผู้ป่วยต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น การปลูกถ่ายไต การล้างไตผ่านช่องท้อง การล้างไตผ่านช่องท้องด้วยเครื่องล้างไตอัตโนมัติ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการดูแลด้วยวิธีการประคับประคอง
นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ กำหนดให้มีระบบตรวจสอบความเหมาะสมของผู้ป่วยก่อนรับการบำบัดทดแทนไตเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการล้างไตที่เหมาะสมที่สุด ควบคู่ไปกับมาตรการลดผู้ป่วยรายใหม่ เช่น การส่งเสริมป้องกัน การคัดกรองให้รู้ค่าความเสี่ยงโรคไตจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคไตเรื้อรังและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย
หวังว่าประกาศหลักเกณฑ์ฉบับนี้จะช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และทำให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ด้านนายแพทย์จเด็จ กล่าวว่า การดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น ปัจจุบันได้พัฒนาและมีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุม ทั้งการล้างไตผ่านช่องท้อง
รวมถึงการล้างไตผ่านช่องท้องโดยใช้เครื่องล้างไตอัตโนมัติ หรือ APD การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การปลูกถ่ายไต และการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วยการรักษาแบบประคับประคอง
ปัจจุบันมีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบทั้งสิ้นจำนวน 84,750 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยรับการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียมจำนวน 64,515 ราย และการล้างไตผ่านช่องท้องจำนวน 20,235 ราย
นายแพทย์จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากข้อมูลการให้บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบ พบว่า ในกลุ่มผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม มีจำนวนหนึ่งที่มีคุณภาพชีวิตลดลง จากการเลือกวิธีการบำบัดทดแทนไตที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วยเอง เช่น กรณีเป็นผู้ป่วยติดเตียง มีภาวะยากลำบากเดินทาง และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้าย
ดังนั้น เพื่อพัฒนาระบบมาตรฐานและคุณภาพดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สิทธิบัตรทอง ในการประชุมบอร์ด สปสช. ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้มีมติเห็นชอบนโยบาย PD First หรือ การล้างไตทางช่องท้องเป็นทางเลือกแรก โดยดำเนินการทั้งการป้องกันและการชะลอไตวายเรื้อรังในระยะยาว
ทั้งนี้ สปสช. ได้ออกประกาศการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขกรณีบริการผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง พ.ศ.2568 เพื่อรองรับการดำเนินการตามมติบอร์ด สปสช. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ป่วยรายเก่าที่กำลังรับบริการทดแทนไตก่อนวันที่ 1 เมษายน 2568 นี้ทุกคนจะได้รับสิทธิบริการทดแทนไตด้วยวิธีเดิมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่ที่ต้องรับการบำบัดทดแทนไต ถ้าไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ หรือ ไม่มีข้อจำกัดของครอบครัว จะได้รับสิทธิบริการทดแทนไตด้วยวิธีผ่านทางช่องท้อง หรือ ปลูกถ่ายไต หรือรักษาแบบประคับประคองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะมีระบบตรวจสอบความเหมาะสมของผู้ป่วยก่อนรับการบำบัดทดแทนไต
รวมทั้งให้ความรู้ทางเลือกการบำบัดทดแทนไตแก่ผู้ป่วย โดยปราศจากอคติแรงจูงใจ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัดทดแทนไตที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามเจตนารมณ์พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545