KEY
POINTS
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ประเทศไทยเผชิญการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ‘คนเกิดน้อยกว่าเสียชีวิต’ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน วิกฤตโครงสร้างประชากรจึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย จากความเสี่ยงใน 3 เรื่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น 1. ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 2. แนวโน้มการบริโภคที่ลดลง 3. ภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้น จากทั้งสวัสดิการด้านรายได้และสุขภาพ
โดยเรื่องสุขภาพถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคล ระดับครอบครัว และระดับประเทศ หากเจาะลึกข้อมูลล่าสุดในปี 2568 อ้างอิงจากกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ผู้หญิงมีอัตราการป่วยด้วยโรคสูงกว่าผู้ชาย โรคเฉพาะของผู้หญิงที่พบสูงสุดคือโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปากมดลูก และมักจะมีอาการป่วยเกี่ยวกับการครรภ์รวมถึงปัญหาที่อาจจะเกิดได้ในระยะคลอดด้วย
นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ Board Committee of Society of Endometriosis and Uterine Disorders เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ด้านสุขภาพของผู้หญิงไทยในปัจจุบัน โดยภาพรวมสอดคล้องกับปัญหาหลักเรื่องโครงสร้างประชากร ที่มีคนเกิดน้อยลงและมีผู้สูงอายุเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
แม้ผู้หญิงไทยจะหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น เริ่มตระหนักรู้เรื่องนี้ทุกช่วงวัย กระทั่งกลุ่มวัยรุ่นยังอยากมาพบแพทย์ด้วยตนเองเมื่อพบความผิดปกติของร่างกาย เพราะได้รับอิทธิพลจาก Content ด้านสุขภาพบนโซเชียลมีเดีย
แต่ก็มีกลุ่มที่น่ากังวลคือ “สตรีวัยทอง” ที่มักพบปัญหาสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของร่างกาย เช่น ปัญหาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดแห้ง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์ รวมถึงภาวะกระดูกพรุน ที่มีอัตราการเสียชีวิตหรือต้องนอนติดเตียงสูงมาก นอกจากนี้ ยังมีโรคเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ และโรคมะเร็ง ที่มีสถิติตรวจเจอง่ายมากขึ้น
“สังเกตได้ว่าผู้ป่วยสตรีส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจมาพบแพทย์และเข้ารับการรักษาโรคทางนารีเวช มักมีอาการของโรคที่ค่อนข้างหนัก เพราะไม่ยอมรักษาตั้งแต่เนิ่นเนื่องจากกังวลเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จึงพบผู้ป่วยโรคทางนารีเวชเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ ที่มีสิทธิประกันสังคมหรือสิทธิบัตรทอง 30 บาท ของสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)”
นอกจากนี้ ในเรื่องสุขภาพสตรียังมีเคสหนักของการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่น่ากังวล แม้สถิติการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของไทยในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาโดยรวมดีขึ้น แต่บางส่วนยังมีปัญหาชีวิตซับซ้อนและการใช้ยาเสพติดร่วมอยู่ด้วย
ดังนั้น เทรนด์สุขภาพของผู้หญิงไทยปี 2569 จึงจะถูกขับเคลื่อนด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากรของประเทศเป็นหลัก โดยมี 3 โรคสำคัญที่เริ่มพบบ่อย รุนแรง และเป็นภัยคุกคามชีวิตของผู้หญิง ที่ผู้หญิงไทยต้องเฝ้าระวังสูงสุดในทุกช่วงวัย คือ 1. มะเร็งเต้านม 2. มะเร็งปากมดลูก และ 3. เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก
โดยเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกพบในผู้หญิงเอเชียประมาณ 40-50% หากมีอาการรุนแรง เช่น ประจำเดือนมามากจนผิดปกติ อาจทำให้เกิดหน้ามืดเป็นลม และนำไปสู่อุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ ยังมีโรคอื่นๆ ที่พบได้บ่อย เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ภาวะถุงน้ำที่รังไข่หลายใบ (PCOS) ซึ่งพบได้ประมาณ 10% ของสตรีวัยเจริญพันธุ์
นพ.โอฬาริก กล่าวว่า เทรนด์ที่น่ากังวลที่สุดอีกอย่างคือ “โรคอ้วน” ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและพบมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้นเหตุสำคัญส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้หญิงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็ง ทำให้มีภาวะฮอร์โมนผิดปกติ เกิดภาวะมีบุตรยาก มีภาวะสุขภาพจิตแย่ และเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
“ในประเด็นนี้การลดน้ำหนักสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งเมื่อเข้าสู่วัยทองนิ่งทำได้ยาก เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ระบบการเผาผลาญและมวลกล้ามเนื้อก็ลดลง ทำให้ง่ายต่อการมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้น การตระหนักรู้และเพิ่มความเข้าใจจึงสำคัญอย่างยิ่ง”
ในทางกลับกันก็มีเทรนด์รักสุขภาพสำหรับผู้หญิงด้วยเช่นกัน ที่กำลังมาแรงคือ เทรนด์ความงาม การอยาก “สวยอย่างยั่งยืน” การให้ความสนใจในเรื่อง Longevity (สุขภาพยืนยาว) แสวงหาวิธีการดูแลสุขภาพชะลอวัยเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มกำลังซื้อสูงสุดคือ Gen X, Baby Boomer, และ Gen Y ต้น ๆ หรือกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ เทรนด์สุขภาพในปี 2569 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาที่มุ่งเน้นความเป็น “เฉพาะบุคคล” (Personalized care) การตรวจพันธุกรรม การคัดกรองโรค หรือการให้ความสำคัญกับการ “เช็กอัพ” เป็นประจำ เพราะการรู้โรคก่อน รู้เร็วถึงความผิดปกติ จะทำให้การรักษาง่ายขึ้น สถานพยาบาลก็จะเริ่มใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันจำนวนหุ่นยนต์จะยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศก็ตาม
นพ.โอฬาริก กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีนโยบายเกี่ยวข้องกับสุขภาพและสวัสดิการของสตรีที่น่าสนใจอีกหลายประเด็น ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและผลักดัน เช่น นโยบายส่งเสริมการมีบุตร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศให้ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองสามารถทำเด็กหลอดแก้วได้ฟรี
นับเป็นการลงทุนเพื่อประเทศในทางหนึ่ง, นโยบายด้านกฎหมายแรงงานและสิทธิสตรี สนับสนุนการมีบุตร ขยายการลาคลอดได้เป็นเวลา 120 วัน, ผู้หญิงมีสิทธิลาป่วยประจำเดือน , มีนโยบายด้านการรักษาและความรู้ สามารถตรวจพันธุกรรมของทารกในครรภ์ และยังอนุญาตให้ผู้หญิงยุติการตั้งครรภ์ได้หากไม่มีความพร้อม
“ประเด็นเหล่านี้นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุขของไทยเป็นวงกว้าง และช่วยช่วยผลักดันให้ประเทศไทยมีความพร้อมด้านบริการการแพทย์มากขึ้น นำไปสู่ความท้าทายในการเป็น Medical Hub ในอนาคต แม้ระบบสุขภาพเรายังต้องนำเข้าทั้งงานวิจัยและเครื่องมือแพทย์ (Medical Device) แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ด้านทรัพยากรบุคลากรที่ต้องเร่งปรับ ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาสุขภาพของประชาชนอย่างยั่งยืนในระยะยาว”