KEY
POINTS
กองทุน Disrupt Health Impact Fund ประกาศความคืบหน้าการลงทุนใน “PocDoc” สตาร์ทอัพด้านการวินิจฉัยโรคแบบดิจิทัลในสหราชอาณาจักร พร้อมแผนนำการตรวจสุขภาพสำหรับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่รวดเร็ว ในราคาที่เข้าถึงได้ มาสู่ตลาดสุขภาพไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่าถึง 142.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ1 หรือประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท
โดย PocDoc ได้พัฒนาแพลตฟอร์มการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ทั้งชุดตรวจเช็คความเสี่ยงโรคหัวใจ และชุดตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือดด้วยตนเอง พร้อมแอปพลิเคชันเฉพาะที่เชื่อมต่อผู้ป่วย แพทย์ และฐานข้อมูลโรงพยาบาล ปัจจุบันชุดตรวจดังกล่าวมีจำหน่ายในร้านยาเชนสโตร์และถูกนำไปใช้ในระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ กองทุนและ PocDoc มีแผนหาพันธมิตรเพื่อขยายตลาดในประเทศไทยภายในปี 2569 โดยมีเป้าหมายยกระดับระบบนิเวศด้านสุขภาพ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีด้านสุขภาพระดับโลก
อย่างไรก็ตาม การรักษาพยาบาลในปัจจุบันกำลังสร้างภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลต่อระบบสุขภาพ และส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสังคมและเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ เทรนด์โลกในอนาคตจึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ PocDoc คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยทำให้การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันนี้เกิดขึ้นได้จริง
จากเหตุผลข้างต้นจึงเป็นที่มาของการลงทุนใน PocDoc ครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของกองทุน Disrupt Health Impact Fund ที่ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ แต่ยังช่วยยกระดับสุขภาพของผู้คนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก และช่วยเร่งให้บรรลุเป้าหมาย SDG 3.4 ของสหประชาชาติ ในการลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรค NCDs ลงหนึ่งในสาม ภายในปี 2573
ปฏิวัติการตรวจสุขภาพหัวใจ
PocDoc กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Health Tech และเป็นหนึ่งในธุรกิจ Health Tech ที่เติบโตเร็วที่สุดใน สหราชอาณาจักร บริษัทได้พัฒนา Preventive Care Platform แบบดิจิทัล ซึ่งประกอบด้วย ชุดตรวจประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (Healthy Heart Check) ชุดตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือดด้วยตนเอง (Diabetes Health Check) และการตรวจสุขภาพโรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease Health Check) ซึ่งทั้งหมดทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนและแพลตฟอร์ม PocDoc
เทคโนโลยีของ PocDoc เป็นแหล่งข้อมูลชั้นนำของการให้คะแนนในการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในสหราชอาณาจักรนอกเหนือจากข้อมูลในคลินิกของแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป และ Healthy Heart Check เป็นชุดตรวจวินิจฉัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคธุรกิจค้าปลีก (ไม่รวมชุดตรวจตั้งครรภ์และโควิด)การทำงานของระบบเริ่มจากผู้ป่วยให้ตัวอย่างเลือดจากการเจาะปลายนิ้วลงบนชุดวิเคราะห์ไมโครฟลูอิดิกส์ที่จดสิทธิบัตร (MFA) ของ PocDoc จากนั้นผู้ป่วยเพียงสแกน MFA ด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนเฉพาะของ PocDoc (PocDocOS) ก็จะได้รับผลตรวจผ่านแอปพลิเคชันภายในไม่กี่นาที
เทคโนโลยีที่ 'เปลี่ยนโฉมหน้า' การดูแลโรคเบาหวาน
จากความสำเร็จของ Healthy Heart Check บริษัทจึงได้เปิดตัว Diabetes Health Check เมื่อเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการทดลองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ ชุดทดสอบใหม่ดังกล่าวตอบสนองความต้องการในการตรวจเบาหวานชนิดที่ 2 ที่สะดวกและรวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในการเป็นโรคเรื้อรังนี้ และได้รับการกล่าวขานจากนายสตีเฟน คินน็อค รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของ สหราชอาณาจักรว่าเป็น 'เกมเชนเจอร์' ชุดตรวจ HbA1c ที่ใช้งานง่ายนี้ออกแบบมาเพื่อใช้ที่บ้าน ในชุมชน สถานที่ทำงาน และในคลินิก โดยทำงานกับ MFA ของ PocDoc และ PocDoc OS
ความสำเร็จที่สหราชอาณาจักรในการขยายการเข้าถึงการตรวจให้ชุมชน
สิ่งที่ PocDoc ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ คือการเข้าถึงประชากรในวงที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาในโรงพยาบาลได้ ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยในสหราชอาณาจักร 60% ที่มีสิทธิรับการตรวจสุขภาพหัวใจฟรีแต่กลับไม่ได้มาใช้บริการ PocDoc ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความร่วมมือกับระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักรสามารถลดอุปสรรคในการตรวจ โดยเฉพาะอุปสรรคด้านสถานที่และค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ PocDoc ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในชุมชนและร้านขายยาจนทำให้สามารถคัดกรองผู้คนได้หลายพันคน และเข้าถึงกลุ่มที่ "ไม่เคยตอบรับการตรวจ" ก่อนหน้านี้ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ PocDoc ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GPs) ผ่านการทดสอบและการติดตามแบบดิจิทัล ส่งผลให้มีการสั่งจ่ายยาสแตตินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า PocDoc ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์วัด แต่เป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมการตรวจครบวงจร โดยเชื่อมโยงการวินิจฉัยกับการตัดสินใจในการรักษาทางคลินิกได้อย่างมีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ
"พันธกิจของเราคือการทำให้การทดสอบเชิงป้องกันระดับโลกพร้อมใช้งานสำหรับทุกคน ไม่ใช่ให้ใช้งานเฉพาะกับผู้ที่สามารถไปถึงโรงพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการได้เท่านั้น ด้วยความเชี่ยวชาญ เครือข่าย และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับภูมิทัศน์ด้านสุขภาพในประเทศไทยของกองทุน Disrupt Health Impact Fund เราพร้อมที่จะนำแพลตฟอร์มดิจิทัล อัลกอริทึมระดับการแพทย์ และเทคโนโลยีการทดสอบด้วยตัวเองของเรามาสู่ผู้คนนับล้านในภูมิภาค ความร่วมมือนี้จะช่วยเร่งการขยายตัวของเราสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสริมโมเมนตัมของเราในการสร้างแพลตฟอร์มสุขภาพเชิงป้องกันแบบดิจิทัลชั้นนำของโลก"
นางสาวณรัณภัสสร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน Disrupt Health Impact Fund มีเป้าหมายการลงทุนระยะแรกราว 17 – 50 ล้านบาทต่อบริษัท พร้อมวางแผนลงทุนใน 15 บริษัทนวัตกรรมด้าน Healthcare ภายใน 3 – 5 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นนโยบายลงทุน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง (Self Care) เวชศาสตร์ป้องกันโรค (Preventive Care) การดูแลผู้สูงวัย (Silver Age) การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) และโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital)
นอกจากการลงทุนแล้ว Disrupt Health Impact Fund ยังมีพันธกิจในการส่งเสริม HealthTech ecosystem ในประเทศไทย โดยเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่สนใจร่วมกันผลักดัน และเร่งการขยายผลเทคโนโลยีด้าน Preventive Care ให้ในประเทศไทย ให้ประชาชนและระบบสาธารณสุขไทยเข้าถึงนวัตกรรมระดับโลก และเสริมความแข็งแกร่งให้ไทยก้าวสู่การเป็น Medical Hub ชั้นนำของโลก