จับตา นโยบายสาธารณสุข 'ทำได้-ทำไม่ได้' หลังรัฐบาลยุบสภา

14 ธ.ค. 2568 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2568 | 08:04 น.

จับตา นโยบายสาธารณสุข หลังรัฐบาลยุบสภา พัฒนา พร้อมพัฒน์ เดินหน้า "30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว' ลุย 'ฟอกไตฟรี' พร้อมยกระดับสิทธิบัตรทองเดิม

KEY

POINTS

  • รัฐบาลรักษาการสานต่อนโยบายสำคัญที่ทำได้เร็ว (Quick Win) เช่น "30 บาทรักษาทุกที่" ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว และ "ฟอกไตฟรี" ซึ่งเป็นการยกระดับสิทธิบัตรทองเดิม
  • มีการผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Health) เช่น แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" และ Telemedicine เพื่อลดภาระงานของบุคลากรและเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน
  • นโยบายเชิงโครงสร้างระยะยาวยังเป็นความท้าทายและทำได้ยากในระยะสั้น เช่น การแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร, การปรับขึ้นค่าตอบแทน และการลงทุนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย

ภายหลังการประกาศยุบสภาของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล หลากหลายนโยบายถูกจับจ้องว่าจะก้าวเดินต่อไปในทิศทางใดกัน เช่นเดียวกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ ภายใต้การนำของ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้เดินหน้านโยบายเร่งด่วน (Quick Win) และสานต่อโครงการที่สำคัญหลายเรื่อง

ดังเช่น  "30 บาทรักษาทุกที่" และ "นโยบายฟอกไตฟรี" เป็นสองนโยบายสำคัญที่อยู่ภายใต้ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่นายพัฒนา รมว.สาธารณสุข ที่มีการสานต่อและยกระดับอย่างจริงจัง 

สำหรับ "30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" นโยบายนี้เป็นการยกระดับ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเดิม โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ เพื่อให้ผู้มีสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว เน้นการใช้ บัตรประชาชนใบเดียว ในการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าถึงบริการปฐมภูมิในหน่วยบริการทุกแห่งที่เข้าร่วมระบบบริการที่ครอบคลุมในจุดบริการที่ไม่ใช่โรงพยาบาลประจำ

โครงการนี้ขยายจุดให้บริการให้ครอบคลุมหน่วยบริการปฐมภูมิที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. เช่น ร้านยาคุณภาพ ซึ่งดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย (32 กลุ่มอาการ เช่น เวียนศีรษะ ปวดหัว เจ็บคอ) โดยเภสัชกรจะให้คำปรึกษาและจ่ายยาตามอาการและจะมีการติดตามอาการ

คลินิกเวชกรรม ที่ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปสำหรับผู้ป่วยนอก เช่น เจ็บ ไข้ ไอ ปวด

คลินิกเทคนิคการแพทย์ ซึ่งให้บริการตรวจแล็บ/เจาะเลือด 22 รายการ ตามใบสั่งแพทย์ เช่น ตรวจไขมัน, น้ำตาล, การทำงานของตับ/ไต

คลินิกทันตกรรม ให้บริการอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน และเคลือบฟลูออไรด์โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง เป็นต้น  

ขณะที่ในส่วนของ การฟอกไตฟรี เป็นการนำนโยบายหลักประกันสุขภาพเดิมกลับมาขยายขอบเขตให้ชัดเจนขึ้นโดยได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน นายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้สำเร็จเป็นอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สปสช. โดยตรงซึ่งมีงบประมาณรองรับไว้ในระบบหลักประกันสุขภาพอยู่แล้ว นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

เป้าหมาย คือ ให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสามารถเลือกวิธีการบำบัดทดแทนไตที่เหมาะสมที่สุด ร่วมกับแพทย์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายบริการที่ครอบคลุมโดย สปสช.ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ จะได้รับการบำบัดทดแทนไต โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยครอบคลุมวิธีการบำบัดทดแทนไต

1. การล้างไตทางช่องท้องด้วยตนเอง เป็นทางเลือกที่เน้นให้ผู้ป่วยสามารถทำได้เองที่บ้าน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 2. การล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือช่วยทำในเวลากลางคืน 3. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การฟอกเลือดที่โรงพยาบาล/คลินิกไตเทียมตามที่ลงทะเบียนไว้ 4. การปลูกถ่ายไต  เป็นการรักษาที่ดีที่สุดในระยะยาว ซึ่ง สปสช. ก็ครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่

นโยบาย "หมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ" เชื่อมต่อบริการผ่านเทคโนโลยี (Digital Health) ทำได้จริงเน้นการใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ เข้ามาช่วย เช่น  แอป หมอพร้อม และ Telemedicine เพื่อลดภาระงานบุคลากรและเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการของประชาชน เป็นการลงทุนด้านดิจิทัลที่หลายโรงพยาบาลเริ่มทำแล้ว เป็นต้น 

ขณะที่มีอีกหลายนโยบายที่ทำได้แต่มีความท้าทายในการขับเคลื่อนซึ่งต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างเช่น การปรับค่าตอบแทน และการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร ลดภาระงาน ซึ่งทำได้แต่นับเป็นเรื่องที่ยาก การปรับค่าตอบแทน/ค่า OT ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลและการลดภาระงานที่ไม่จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างระบบงานในโรงพยาบาลอย่างจริงจังซึ่งอาจทำได้ช้า

ขณะที่การเพิ่มมูลค่าเชิงเศรษฐกิจสุขภาพ ทั้งเรื่องของสมุนไพรไทย และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนั้น ทำได้แต่ต้องใช้เวลา ทั้งยังต้องอาศัยการร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยเพื่อควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาพรวม

เช่นเดียวกับการสร้างสุขภาพดีทุกช่วงวัย เรื่องของการดูแลผู้สูงอายุ และการส่งเสริมการมีบุตร ที่สามารถทำได้แต่ต้องลงทุนอย่างหนักนับเป็นนโยบายระยะยาวที่ต้องอาศัยการลงทุนในระบบดูแลสุขภาพปฐมภูมิและต้องมีงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ

นอกจากนี้เรื่องของการพัฒนาบริการเฉพาะทาง/ศูนย์ความเป็นเลิศ ที่ต้องใช้เวลาและบุคลากร ต้องอาศัยการจัดสรรบุคลากรเฉพาะทางที่มีทักษะสูงและเครื่องมือแพทย์ราคาแพงไปยังโรงพยาบาลในภูมิภาคต่าง ๆ เป็นต้น เนื่องจากระยะเวลาที่จำกัดจึงขยับเรื่องนี้ได้ไม่มากนัก

เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรแพทย์และพยาบาลอย่างยั่งยืนทำไม่ได้ในระยะสั้น ปัญหานี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศที่สั่งสมมานาน การผลิตบุคลากรต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 6 ปี การแก้ปัญหาต้องใช้มาตรการระยะยาวและงบประมาณสูงมากการบรรลุเป้าหมายในระยะเวลาอันสั้นจึงเป็นไปได้ยาก

เบื้องต้นเป็นเพียงตัวอย่างของการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข โดยนายพัฒนา รมว.สาธารณสุข เน้นการสานต่อและยกระดับที่มีอยู่เดิมซึ่งสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ได้เร็ว ขณะที่นโยบายเชิงโครงสร้างและงบประมาณขนาดใหญ่ เช่น การแก้ปัญหาเรื่องของบุคลากร งบประมาณของโรงพยาบาลที่ขาดสภาพคล่อง รวมถึงการลงทุนระยะยาวเพื่อรองรับสังคมสูงวัย นับเป็นความท้าทายที่ต้องใช้เวลาและงบประมาณอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะยังไม่เห็นผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนในระยะเริ่มต้นของการบริหารงาน