KEY
POINTS
นพ.วรายุทธ แสงสุวรรณ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า หลายคนมักมีอาการ "ปวดหลัง" ที่ฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาและเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานต้องนั่งติดเก้าอี้วันละหลายชั่วโมง หรือในกลุ่มผู้สูงอายุที่ร่างกายเริ่มเสื่อมตามวัย
แต่ถ้าอาการปวดนั้นร้าวลงไปถึงขา ไม่ว่าจะคนหนุ่มสาวหรือผู้สูงวัยไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของ “ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท” และหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินไม่มั่นคง หรือถ้ารุนแรงมากอาจถึงขั้นอัมพาตหรือพิการได้
"หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท" คือตัวการของอาการปวดหลังร้าวลงขา ลักษณะจะปวดแปลบเหมือนไฟช็อต แสบร้อน หรือชาตามแนวขา เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกงอกผิดปกติช่องโพรงกระดูกสันหลังตีบ หรือกล้ามเนื้อสะโพกกดทับเส้นประสาท แต่สาเหตุที่พบบ่อยและมีความรุนแรงมากที่สุดคือภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
ภาวะนี้เกิดจากความผิดปกติของหมอนรองกระดูกบริเวณสันหลัง ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อคล้ายเบาะคั่นระหว่างกระดูกแต่ละข้อ ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกและช่วยให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่น เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือเคลื่อนออกจากตำแหน่งจึงอาจไปกดทับเส้นประสาทและทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา
“พฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างอาจสร้างแรงกดและภาระต่อกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความเสื่อมตามมา โดยกลุ่มเสี่ยงที่มักมีพฤติกรรมลักษณะนี้ ได้แก่พนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ผู้ใช้แรงงานหรือผู้ที่ยกของหนักเป็นประจำ นักกีฬาที่ต้องใช้แรงมาก ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน ผู้สูงอายุที่กระดูกสันหลังเริ่มเสื่อม รวมถึงผู้ที่นั่งหลังงอ ก้มตัวบ่อย ๆ”
อาการปวดหลังร้าวลงขาอาจทุเลาได้เพียงชั่วคราว แต่หากปล่อยไว้นานอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ปวดร้าวลงขาอย่างเฉียบพลัน ชาหรือแสบร้อนบริเวณขากล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ยกขาไม่ขึ้น หรือกลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรุนแรง หากละเลยอาจนำไปสู่ภาวะพิการหรือเดินไม่ได้ในที่สุด
นพ.วรายุทธ กล่าวว่า แนวทางการรักษาอาการปวดหลังร้าวลงขาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ในระยะแรกหรือในรายที่อาการไม่รุนแรง มักเริ่มจากการใช้ยา เช่น ยาลดการอักเสบ ยากลุ่มลดปวดเส้นประสาท และยาคลายกล้ามเนื้อ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด เช่น การดึงหลัง ยืดกล้ามเนื้อ หรือฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 6–8 สัปดาห์ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาเข้าโพรงประสาทสันหลังเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดบริเวณรากประสาทโดยตรง ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรงหรือพบการกดทับเส้นประสาทชัดเจน แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery) ที่ปลอดภัย เจ็บน้อย และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น
สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดโรคตั้งแต่แรกถือเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเริ่มจากการคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เพื่อลดแรงกดทับต่อหมอนรองกระดูก หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานโดยไม่เปลี่ยนท่า และออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง เช่น ท่า Bridge หรือ Plank นอกจากนี้ควรยกของให้ถูกท่า โดย “ย่อเข่า” แทนการ “ก้มหลัง” และเลือกใช้ที่นอนหรือหมอนที่ช่วยพยุงแนวกระดูกได้ดี
ส่วนชาวออฟฟิศซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง ควรปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ลุกยืดเส้นทุก 30–60 นาที ปรับท่านั่งให้หลังตรงและวางเท้าราบกับพื้น หมั่นยืดกล้ามเนื้อหลังและขาระหว่างวัน หากเริ่มรู้สึกปวดอย่าฝืน ควรพักหรือลุกเดินเปลี่ยนอิริยาบถและควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ดีต่อสุขภาพหลัง เช่น เก้าอี้ที่รองรับแนวโค้งธรรมชาติของกระดูกสันหลัง (Lumbar Support)
“หัวใจสำคัญคืออย่ามองว่าอาการปวดหลังร้าวลงขาเป็นเรื่องเล็ก หรือคิดว่าเดี๋ยวก็คงหายเอง เพราะมันคือสัญญาณเตือนว่าเส้นประสาทกำลังถูกทำร้าย ดังนั้น หากมีอาการปวดจึงอยากให้รีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้รักษาได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และกลับมาใช้ชีวิต