ปวดคอเรื้อรังเกิน 3 เดือน ระวังกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว

06 พ.ย. 2568 | 21:15 น.

อาการปวดคอเรื้อรัง ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ เสี่ยงต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต หากปวดนานเกิน 3 เดือนถือเป็นสัญญาณเตือนอันตราย นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว

KEY

POINTS

  • อาการปวดคอเรื้อรังนานเกิน 3 เดือนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
  • วงจรของความเจ็บปวดและความเครียดส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคทางจิตเวชหรือทำให้อาการเดิมกำเริบได้
  • การรักษาต้องเป็นแบบองค์รวมที่ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กัน เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว

นพ.ชนศักดิ์ หทัยอารีย์รักษ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า จากสถิติในปัจจุบันพบผู้ป่วยที่มีอาการปวดคอมากถึง 70–80% โดยอาการปวดคอแบบไม่ชัดเจนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อาการปวดคอเรื้อรังจัเกี่ยวข้องกับความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรงได้อย่างต่อเนื่อง แม้เพียงการสัมผัสเบาๆ หรือหากเกิดความเครียดเล็กน้อยก็สามารถทำให้อาการปวดได้ 

กลไกนี้เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทสำคัญ เช่น เซโรโทนิน, นอร์เอพิเนฟรีน ที่อาจนำไปสู่โรคทางจิตเวช หรือทำให้อาการทางจิตที่มีอยู่เดิมกำเริบ ดังนั้น อาการปวดคอเรื้อรังจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วย และผู้ป่วยบางรายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ต้องลาหยุดงาน หรือใช้ชีวิตอย่างจำกัด หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาการปวดเรื้อรังนี้สามารถลุกลามจนบั่นทอนคุณภาพชีวิต

กลุ่มเสี่ยงพบมากที่สุดคือ วัยรุ่นตอนปลายถึงวัยทำงานตอนต้น พบในเพศชายและหญิงใกล้เคียงกัน สาเหตุสำคัญเกิดจากไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้งานของคอ เช่น การก้มดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน

การรักษาอาการปวดคอ

การรักษาไม่จำเพาะเจาะจง แต่จำเป็นต้องใช้แนวทางแบบองค์รวมและสหสาขาวิชาชีพ ร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ศัลยแพทย์กระดูก จิตแพทย์ นักกายภาพบำบัด และนักกิจกรรมบำบัด ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูทางกายภาพ การปรับพฤติกรรม ดูแลทางจิตใจ ทำกายภาพบำบัด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การประคบร้อนหรือเย็น คลื่นอัลตราซาวด์ คลื่นช็อกเวฟ คลื่นไฟฟ้า และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อคลายกล้ามเนื้อและฟื้นฟูความแข็งแรง

นอกจากนี้ การปรับท่าทางให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น การจัดระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด และเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งการเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30–60 นาที จะช่วยลดแรงกดต่อคอและบ่าได้อย่างมาก ตลอดจนการออกกำลังกายเบื้องต้น เช่น ท่าเก็บคาง (Chin Tuck) โดยค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้งต่อรอบ วันละ 3 รอบ จัช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอชั้นลึก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดซ้ำได้

ด้าน นพ.วิทยา วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า และจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ก็สามารถกระตุ้นให้อาการปวดรุนแรงขึ้นได้อย่างมหาศาล การทำจิตบำบัดและการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางกาย ซึ่งงานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า ความเครียดและอาการปวดเรื้อรังคือสองด้านของเหรียญเดียวกัน ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลควบคู่กัน

สำหรับอาการปวดคอเรื้อรังที่ยาวนานเกิน 3 เดือน ถือเป็นสัญญาณเตือนอันตรายที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะวงจรของความปวดและความเครียดสามารถขัดขวางการฟื้นฟูของร่างกาย และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการปวดเรื้อรังหลังจากการบาดเจ็บ 

ดังนั้น การดูแลแบบองค์รวมที่ใส่ใจทั้งร่างกายและจิตใจ จึงเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นตัวที่ยั่งยืน ผู้ที่มีอาการควรรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนบั่นทอนคุณภาพชีวิต เพราะรักษาไม่ใช่เพียงการสมานร่างกาย แต่คือการฟื้นฟู “คน” ทั้งกายและใจให้แข็งแรงด้วย