ปวดหลัง ปวดคอ ไม่ใช่แค่ออฟฟิตซินโดรม แต่เสี่ยงเป็น Herniated Disc

20 ก.ค. 2568 | 21:59 น.

ปวดหลัง ปวดคอ ไม่ใช่แค่ออฟฟิตซินโดรม แต่เสี่ยงเป็น Herniated Disc : Tricks for Life

อาการ “ปวดหลัง” สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หลายคนมองว่า เป็นเองได้ ก็หายเองได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว อาการปวดหลังหรือปวดคอเรื้อรัง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรค "หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น" หากปล่อยไว้นานเกินไป อาการจะรุนแรงขึ้นจนยากจะรักษาให้กลับมาเหมือนเดิม

หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น (Herniated Disc) คือ ภาวะที่หมอนรองกระดูกสันหลังซึ่งทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกและช่วยให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวอย่างยืดหยุ่น เกิดการฉีกขาดหรือเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติ จนไปกดทับเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดอาการปวดและชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลัง คอ สะโพก หรือขา

หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นอาจมีอาการที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ปลิ้นและความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาท เช่น

  • ปวดหลังหรือคอเรื้อรัง โดยเฉพาะเวลาขยับตัวหรือยกของหนัก
  • ปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาท เช่น ปวดร้าวลงขา กรณีปลิ้นบริเวณเอว หรือปวดร้าวลงแขน กรณีปลิ้นบริเวณคอ
  • อาการชาหรืออ่อนแรง บริเวณขา แขน หรือมือ
  • รู้สึกเสียวหรือปวดแปล๊บเหมือนไฟฟ้าช็อต เมื่อมีการขยับหรืออยู่ในท่าบางอย่าง
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเคลื่อนไหวลำบาก

 

หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อฝ่อลีบ ปวดร้าว ชามากขึ้น หรือ มีปัญหาเรื่องการควบคุมปัสสาวะ-อุจจาระ

ปวดหลัง ปวดคอ ไม่ใช่แค่ออฟฟิตซินโดรม แต่เสี่ยงเป็น Herniated Disc

สาเหตุของหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น มักพบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปีขึ้นไป, การใช้งานกระดูกสันหลังผิดท่า เช่น การยกของหนัก การนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่ถูกต้อง, อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ ที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลังโดยตรง, น้ำหนักตัวเกิน (โรคอ้วน) เพิ่มแรงกดที่กระดูกสันหลัง, และขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อหลังไม่แข็งแรงพอในการพยุงกระดูกสันหลัง

การตรวจวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท แพทย์จะวินิจฉัยได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลัก และอาจมีการตรวจเพิ่มเติมเช่น การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ที่จะช่วยในการตรวจวินิจฉัยอาการปวดหลังที่ต้นเหตุได้

การรักษาโรคหมอนรองกระดูกปลิ้น

ในรายที่อาการไม่รุนแรงหรืออยู่ในระยะเริ่มต้น แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการใช้ยาแก้ปวด กายภาพบำบัด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน6 เดือน หรือ มีอาการเปลี่ยนแปลงเป็นมากขึ้นจนรบกวนชีวิต ประจำวัน เช่น ปวดร้าวลงขามาก นอนพักไม่ได้ เดินได้น้อย หรือ มีปัญหาเรื่องการควบคุมปัสสาวะ อุจจาระ

การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาโดยปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดด้วยกล้อง Endoscope ซึ่งแผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ ส่งผลให้ความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดน้อยลง ใช้ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสั้น ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวและกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วขึ้น

โรคหมอนรองกระดูกปลิ้นที่เกิดจากความเสื่อมตามวัยได้ สามารถชะลอการเกิดและลดความรุนแรงของอาการได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ทั้งการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายตามความเหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นั่ง ยืน ก้ม เงยและยกของหนักในท่าที่ถูกต้อง เปลี่ยนอิริยาบถขณะนั่งทำงานบ่อย ๆ  รวมทั้งระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุที่อาจส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลัง

 

ขอบคุณ : นายแพทย์กิติเดช บุญชัย ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ชำนาญการด้านโรคกระดูกสันหลังโรงพยาบาลเวชธานี