KEY
POINTS
นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน มีศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางทั้งหมด 21 ศูนย์ และในปี 2568 มีไฮไลท์ 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ปอด ศูนย์หัวใจ และล่าสุดคือ ศูนย์กระดูกและข้อ โดยจะจัดเป็นศูนย์หลักที่จะสร้างรายได้รวมสิ้นปีนี้ให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายรวม 1,500 ล้านบาท มากกว่าปี 2567 ที่มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท
โดยต้องการขายจุดแข็งด้านเทคโนโลยี ความพร้อมของอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือที่ทันสมัย ความสะอาด ความใหม่ และความรวดเร็วในการรักษา ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนไทยซึ่งมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 90% เป็นชาวต่างชาติ 10% ขณะเดียวกันได้วางแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติให้ถึง 30% ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลัก CLMV (กัมพูชา เมียนมา สปป.ลาว และประเทศจีน
“โรงพยาบาลเรามีจำนวน 230 เตียง มีพื้นที่รวมกว่า 14 ไร่ หากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนคาดว่าอาจขยายตึกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราตั้งใจเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ด้วยค่าบริการจึงไม่ถูกเท่าโรงพยาบาลรัฐ แต่ก็ไม่สูงเท่าโรงพยาบาลเอกชนระดับเทียร์ 1 ซึ่งการดปิดศูนย์โรคกระดูกและข้อล่าสุด มั่นใจว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าและยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้มากขึ้น”
นพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้งจำกัด กล่าวว่า การเปิดศูนย์กระดูกและข้อ เป็นการเดินหน้าวิสัยทัศน์ในการสร้างระบบสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต มากกว่าการรักษาโรคเพียงชั่วคราว ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการยกระดับบริการสุขภาพแบบองค์รวมด้วยแนวทาง Comprehensive Bone & Joint Care
ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกัน วินิจฉัย รักษา ฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจพร้อมรับมือวิกฤตสุขภาพเงียบ (Silent Epidemic) ที่กำลังลุกลามในสังคมไทย สอดคล้องกับ ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เผยว่า คนไทยใช้ชีวิตอยู่ในท่านั่งเฉลี่ยมากถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน พฤติกรรม "นั่งนาน ยืนนาน ขยับน้อย" เป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้โรคกระดูกและข้อแพร่ระบาดเงียบ ๆ ในกลุ่มคนวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์ออฟฟิศและผู้ที่อยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานต่อเนื่องทุกวัน
“เราพยายามสร้างศูนย์ความเป็นเลิศ ที่รวมทั้งความชำนาญการของทีมแพทย์เฉพาะทาง เทคโนโลยีระดับโลก และแนวคิดการดูแลแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Care) เพื่อคืนสมดุลการเคลื่อนไหวให้ผู้ป่วย ขณะที่วงการเฮลท์แคร์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค “พาร์ทเนอร์สุขภาพ” ที่ผู้บริโภคมองโรงพยาบาลเป็นเพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพมากกว่าผู้รักษา รพ.วิมุต จึงต้องการมุ่งพัฒนาอีโคซิสเต็มอัจฉริยะด้านสุขภาพ เชื่อมโยงศูนย์ความเป็นเลิศเข้ากับบริการสุขภาพให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงง่ายในทุกช่วงวัย"
นพ.สมยศ ปิยะวรคุณ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านข้อเข่าและสะโพกเทียม โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า สำหรับโรคกระดูกและข้อเป็นโรคที่สำคัญมาก เพราะประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ซึ่งจะดำเนินต่อไปในอีก 10-20 ปีข้างหน้า จำนวนคนไข้ที่มาตรวจรักษาเรื่องกระดูกและข้อก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโรคนี้ยังมาคู่กับกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมันด้วย
"จริง ๆ แล้ว โรคกระดูกและข้อส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุหรืออายุที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เกิดได้ทุกช่วงวัย ในเด็กแรกเกิดจะมีปัญหาข้อสะโพกเคลื่อนหลุด วัยที่มีพัฒนาการจะมีปัญหาขาโก่ง หรือกระดูกสันหลังคด วัยทำงานจะเกิดปัญหาจากการทำงาน บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือพฤติกรรม และเมื่อสูงวัยจะเป็นเรื่องของความเสื่อม กระดูกพรุน และโครงสร้างกระดูกที่ผิดไป”
นอกจากนี้ การนั่งทำงานท่าเดิมนานเกินไป การก้มดูมือถือ การจับเมาส์ต่อเนื่อง หรือแม้แต่การยืนนานเกินควร พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อรับแรงกดซ้ำ ๆ จนเกิดการอักเสบ เส้นเอ็นตึง และข้อเริ่มสึกหรอ โดยโรคกระดูกและข้อ ส่วนใหญ่ที่พบบ่อยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
โรคกระดูกสันหลัง อาทิ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเสื่อม โรคบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อาทิ เส้นเอ็นไขว้หน้าและหมอนรองเข่าฉีกขาด รวมถึงเส้นเอ็นบริเวณหัวไหล่ฉีกขาด และโรคข้อเสื่อม ทั้งข้อเข่าและข้อสะโพก รวมถึงกลุ่มโรคของระบบกระดูกและข้อ ตั้งแต่โรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เอ็นอักเสบ ไหล่ติด อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา
ด้าน พญ.พิชชาพร เมฆินทรพันธุ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า สัญญาณเตือนแรกของความเสื่อมโรคกระดูกและข้อ ควรสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพราะยิ่งดูแลเร็วเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสรักษาได้ง่าย การมีสุขภาพกล้ามเนื้อกระดูกและข้อที่ดีในระยะยาวต้องมาจาก 'การคืนสมดุลให้ร่างกาย' ขยับให้ถูกวิธี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อซ้ำๆ ทุกวัน แต่หากมีอาการผิดปกติควรเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที