KEY
POINTS
1 พฤศจิกายน 2568 นพ.สุเทพ วัชรปิยานันทน์ ประธานคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ เขต 1 เชียงใหม่ พร้อมด้วย นพ.สุธิต คุณประดิษฐ์ ประธานคณะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข ระดับเขตพื้นที่ เขต 1 เชียงใหม่ และผู้บริหารคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1 เชียงใหม่ ประชุมร่วมกันเพื่อสร้างกลไกการอภิบาลระบบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในระดับพื้นที่อย่างมีส่วนร่วมเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1
นพ.สุเทพ เปิดเผยว่า การประชุมกันครั้งนี้ทั้ง 2 คณะอนุกรรมการ ได้ร่วมหารือประเด็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของเขตสุขภาพที่ 1 และเห็นตรงกันว่า ปัญหาสุขภาพที่สำคัญ คือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในกลุ่มโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงที่ต้องร่วมกันจัดการ ทั้งการเข้าถึงบริการสุขภาพตามสิทธิ และการให้บริการอย่างมีคุณภาพ และมาตรฐาน
สรุปตรงกันว่า ต้องขับเคลื่อนร่วมกันทั้งการเข้าถึงบริการและการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน โดยจะกำหนดแผนขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกันเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2569 – 2571เพื่อประชาชนไม่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
ส่วนกลุ่มเสี่ยงต้องลดความเสี่ยงให้ได้ ขณะที่ผู้ที่ป่วยแล้วก็ต้องได้รับการควบคุมโรคและอาการอย่างมีประสิทธิภาพสู่ระยะสงบของโรคที่ไม่ต้องใช้ยา และท้ายสุดเมื่อทำสำเร็จ จะเป็นการลดผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังได้ด้วย มีต้นทางมาจากโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง
ด้าน นพ.สุธิต กล่าวว่า การเข้าถึงบริการต้องมีคุณภาพและมาตรฐานเพื่อดูแลอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการควบคุมโรค NCDs และนำไปสู่ระยะสงบของโรคให้ได้ซึ่งในเวลา 3 ปีที่จะขับเคลื่อนร่วมกันนั้น ในส่วนโรงพยาบาลมีแนวปฏิบัติเพื่อดูแลผู้ป่วยตามมาตรฐานของราชวิทยาลัยที่กำหนดไว้ซึ่งจะช่วยลดผู้ป่วยรายใหม่
ที่สำคัญ คือ ลดการพึ่งพิงในระยะยาว และป้องกันไม่ให้อาการของโรคลุกลามที่จะมีผลกระทบต่อการดูแลในทุกมิติ ทั้งงบประมาณและผลกระทบทางสังคม ซึ่งการดำเนินการดูแลอย่างถูกต้อง และทำได้ดีตามคุณภาพและมาตรฐานการดูแล จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น คาดว่าในระยะ 3 ปีเขตสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ จะได้ผลลัพธ์ทางสุขภาพของประชาชนในกลุ่มโรค NCDs ที่ดีขึ้น
"ผู้ป่วยเบาหวาน และความดันโลหิตสูงในเขต 1 เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งต้องทำให้ลดลงให้ได้ โดย อปสข.เขต 1 และ อคม.เขต 1 ได้กำหนดเป้าหมายร่วมกัน ขณะเดียวกันกลุ่มที่ป่วยแล้ว เมื่อเข้าสู่การรักษาก็ต้องมีคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้ได้เป้าหมายตามที่เห็นร่วมกัน" นพ.สุธิต กล่าว
ด้าน นพ.นพรัตน์ วัชรขจรกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปางนำคณะลงพื้นที่ รพ.ลำปาง กล่าวว่า สสจ.ลำปาง มีนโยบายรลดผู้ป่วยโรค NCDs โดยเฉพาะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไตวายเรื้อรังในพื้นที่
ยุทธศาสตร์สำคัญในการจัดการโดยเน้นที่บริการระดับปฐมภูมิ ให้องค์ความรู้กับประชาชน และคัดกรองโรคผ่านแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ทีมสหสาขาวิชาชีพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ร่วมทำงานอย่างเป็นระบบ มุ่งป้องกันผู้ป่วยโรค NCDs รายใหม่ในจังหวัด
อีกทั้งในส่วนผู้ที่ป่วยอยู่แล้วจะมีการเพิ่มคุณภาพการดูแลรักษาให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ และลดภาวะแทรกซ้อนที่สำคํญของโรค NCDs คือ ยกระดับเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ที่ต้องระวัง และเป็นเป้าหมายสำคัญของจังหวัด
"ทิศทางการดูแลผู้ป่วย NCDs จะเน้นไปที่ป้องกัน ซึ่งมีหลายระดับ ตั้งแต่การป้องกันระดับปฐมภูมิ ที่เน้นไม่ให้คนปกติ กลุ่มเสี่ยงไม่ให้ป่วยผ่านการคัดกรอง แต่ในกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคแล้ว ก็จะป้องกันเช่นกัน เพื่อไม่ให้มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยด้วย" รอง สสจ.ลำปาง กล่าว
ขณะที่ นพ.อัศวิน โรจนสุมาพงศ์ หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลลำปาง กล่าวเสริมว่า ที่นี่เรามีศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) โรงพยาบาลลำปาง 2 แห่ง ให้บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ซึ่งใน ศสม. จะมีคลินิก NCDs รักษาหายโดยมีบุคลากรแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวคอยดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรค NCDs ที่มุ่งเน้นควบคุมโรคให้กับประชาชนเขตอำเภอเมือง ซึ่งคลินิก NCDs รักษาหาย ใน ศสม.ทั้ง 2 แห่ง จะดูแลทั้งคัดกรอง ป้องกัน รักษา และควบคุม เพื่อไม่ให้โรค NCDs เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง และป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่
นอกจากคลินิก NCDs รักษาหาย ของโรงพยาบาลลำปางทั้ง 2 แห่งแล้ว ยังมีศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs ในจ.ลำปางอีก 25 ศูนย์ ซึ่งมีทั้งบริการจากฝั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง (อบจ.ลำปาง) ผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด เทศบาล และในส่วนของโรงพยาบาล ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันในการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรค NCDs รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อน