“รพ.พระรามเก้า” เดินหน้ากลยุทธ์ COE ดันไทย ก้าวสู่ Medical Hub

31 ต.ค. 2568 | 18:35 น.

ชี้ปัจจัยรุมเร้าฉุดรพ.เอกชน เติบโตต่ำ “รพ.พระรามเก้า” เดินหน้ากลยุทธ์ COE ลงทุนและศูนย์ความเป็นเลิศ ยกระดับการรักษาโรคยาก ตั้ง International Center ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ สำหรับผู้ป่วยต่างชาติ สามารถทำประวัติ พบแพทย์ ทำแผล จ่ายยา และจ่ายเงินในที่เดียวจบ มั่นใจศักยภาพไทยสู่ Medical Hub

KEY

POINTS

  • โรงพยาบาลพระรามเก้าใช้กลยุทธ์ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (COE) เพื่อยกระดับการรักษาโรคยากและซับซ้อน สร้างการเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ
  • ยกระดับ 5 ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่โดดเด่น ได้แก่ ศูนย์โรคไต, หัวใจ, สมอง, ผ่าตัดกระดูกและข้อ และผ่าตัดแผลเล็ก พร้อมเตรียมเปิดศูนย์ผ่าตัดแปลงเพศ
  • ประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางที่มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดรับนโยบายผลักดันไทยสู่ Medical Hub

นพ.วิทยา วันเพ็ญ รองกรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตค่อนข้างต่ำ จากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

โดยเฉพาะการใช้จ่ายด้านการรักษาเกี่ยวกับสุขภาพในส่วนที่ไม่จำเป็น เช่น กลุ่มผู้รับบริการด้านความสวยความงาม เช่น การทำโบท็อกซ์ ทรีตเมนต์ ก็ลดลง รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีที่เริ่มเว้นระยะการเข้ารับบริการมากขึ้น ส่วนของผู้ที่ต้องการทำเลสิก ผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วน ต่างชะลอเวลาหรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งพยายามอดทนหาวิธีงดค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดให้นานที่สุด

ยังมีสัญญาณการหดตัวของลูกค้าจากต่างประเทศ จากปัญหาการปิดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ทำให้ผู้ป่วยจากกัมพูชาไม่สามารถเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลในไทยได้ ส่วนกลุ่ม Medical Tourism จากจีนก็ชะลอการเดินทางมาเข้ารับบริการในประเทศไทยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก

“รพ.พระรามเก้า” เดินหน้ากลยุทธ์ COE ดันไทย ก้าวสู่ Medical Hub

ขณะที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนยังมีผลประกอบการที่โดดเด่น ด้วยอัตรารายได้เติบโต 17% กำไรเติบโต 28% ด้วยกลยุทธ์การลงทุนและศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence - COE) ยกระดับการรักษาโรคยาก มีบริการ International Center เป็นศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สำหรับผู้ป่วยต่างชาติ สามารถทำประวัติ พบแพทย์ ทำแผล จ่ายยา และจ่ายเงินในที่เดียวได้

นอกจากนี้ ยังเน้นการบริหารจัดการด้านต้นทุน ได้แก่ 1. การใช้บุคลากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. การควบคุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และระบบต่าง ๆ 3. การนำ AI มาช่วยในการทำงานให้ลื่นไหลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเจาะตลาดตะวันออกกลางที่เติบโตโดดเด่นกว่าคู่แข่ง

“เราได้เตรียมพร้อมทางด้านการแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ สำหรับรักษาโรคยากและซับซ้อน รองรับกลุ่มต่างชาติและชาติอาหรับเฉพาะ เช่น การผ่าตัด มะเร็ง แผลเบาหวาน และโรคไต โดยสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการต่างชาติอันดับ 1. คือกลุ่มอาหรับ 30-40% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยมีอยู่ 10%-20% ถัดมาคือกลุ่ม CLMV และจีน”

“รพ.พระรามเก้า” เดินหน้ากลยุทธ์ COE ดันไทย ก้าวสู่ Medical Hub

นพ.วิทยา กล่าวว่า ปกติสัดส่วนรายได้รวมของโรงพยาบาลพระรามเก้าจะมาจากคนไทยกว่า 85% ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ แต่ในปัจจุบันสัดส่วนคนไทยเหลือประมาณ 70% เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้บริการชาติอาหรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเสนอการบริการทางการแพทย์มาตรฐาน JCI เน้นไปที่ Value for Money (คุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม) ซึ่งเป็นพันธกิจของผู้ก่อตั้งและผู้บริหารมานานกว่า 30 ปี

ทั้งนี้ ได้ยกระดับ 5 ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง (COE) เพื่อตอบโจทย์การรักษาให้มากขึ้น ได้แก่ 1. ศูนย์โรคไต เน้นการผ่าตัดเปลี่ยนไตและโรคไตเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเคสการรักษาเป็นเบอร์ 1 ในโรงพยาบาลเอกชน และเบอร์ 3 ของประเทศ โดยวางแผนไว้ว่าในปี 2569 จะเปิด ศูนย์ PD (Peritoneal Dialysis) หรือศูนย์ฟอกไตทางหน้าท้องในระดับพรีเมียม เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่มีฐานะดีที่ต้องการฟอกไตที่บ้านหรือที่ทำงานในตอนกลางคืนด้วย

“รพ.พระรามเก้า” เดินหน้ากลยุทธ์ COE ดันไทย ก้าวสู่ Medical Hub

2. ศูนย์หัวใจ เน้นการผ่าตัดและการเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยไม่ใช้การผ่าตัด (ใช้สายสวน) 3. ศูนย์สมอง การรักษาภาวะหลอดเลือดตันในสมองโดยใช้ อุปกรณ์สายสวน ไปดึงลิ่มเลือดออก แทนการใช้ยาละลายลิ่มเลือดแบบเดิม พร้อมวางแผนในอนาคตเพิ่มศักยภาพ ICU Stroke Unit อีกประมาณ 9 ห้อง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยที่มาถึงภายใน 3 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่ง 24 ชั่วโมง สามารถฟื้นตัวกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

4. ศูนย์ผ่าตัดกระดูกและข้อ เน้นการผ่าตัดแผลเล็กสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเข่า หลัง และไหล่ติด เพื่อให้ฟื้นตัวไว 5. ศูนย์ผ่าตัดแผลเล็ก ที่ใช้กล้องส่องในการผ่าตัดทุกประเภท (ทั่วไป, สูตินรีเวช, มะเร็ง) และยังมีศูนย์บริการใหม่ที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรงคือ ศูนย์บริการผ่าตัดแปลงเพศ ที่จะเริ่มเปิดให้บริการรับผู้ป่วยต่างชาติจากออสเตรเลียเป็นประเทศแรก

“รพ.พระรามเก้า” เดินหน้ากลยุทธ์ COE ดันไทย ก้าวสู่ Medical Hub

ปัจจุบันโรงพยาบาลพระรามเก้า มีบุคลากรทั้งหมดประมาณ 2,100 คน แบ่งเป็นแพทย์ประมาณ 500 กว่าคน และบุคลากรรวมกว่า 1,600 คน มีจำนวนผู้ป่วย OPD ประมาณ 2,000 รายต่อวัน และ IPD อยู่ระหว่าง 120-160 รายต่อวัน โรคที่มีผู้ป่วยเข้ามารักษามากที่สุดคือ กลุ่ม NCDs เช่น ไขมัน ความดัน เบาหวาน มะเร็ง ถัดมาคือโรคซับซ้อนตามศูนย์เฉพาะทาง เช่น ไตวาย หัวใจ และมะเร็ง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมักจะมีการผ่าตัดใหญ่ร่วมด้วย เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนไต

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลพระรามเก้า ยังคงพัฒนาการแพทย์รองรับผู้ป่วย สร้างการเติบโต Double Digit อย่างต่อเนื่องทุกปี ทั้งตามเทรนด์และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) สอดรับกับนโยบายรัฐบาลและการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ด้วยจุดแข็งด้านมาตรฐานระดับสากล และ Service Mind โดยมองว่า Health Care และ Wellness จะเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต