ครั้งแรกในไทย นำร่องคัดกรอง ‘โรคไต’ ด้วยชุดตรวจในผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง

24 ก.ย. 2568 | 23:20 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2568 | 23:23 น.

กรมควบคุมโรค แอสตร้าเซนเนก้า และภาคีเครือข่ายพันธมิตร เดินแผนเชิงรุกมอบ “ชุดตรวจคัดกรองไต” นำร่องจังหวัดปทุมธานี ภายใต้โครงการความร่วมมือสู่เครือข่ายความเป็นเลิศ ด้านการคัดกรองโรคไต ครั้งแรกในไทย

KEY

POINTS

  • เปิดตัวโครงการนำร่องคัดกรองโรคไตเรื้อรังเป็นครั้งแรกในไทย โดยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน
  • ใช้ชุดตรวจคัดกรองไต (Urine Microalbumin Dipstick) ในจังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่แรก เพื่อค้นหาผู้ป่วยใน 5 กลุ่มเสี่ยง
  • มีเป้าหมายเพื่อตรวจหาผู้ป่วยตั้งแต่ระยะแรก ลดความเสี่ยงการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และเตรียมขยายผลทั่วประเทศ

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย, สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย, และแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย เดินหน้าแผนเชิงรุกในการคัดกรองโรคไตเรื้อรัง โดยส่งมอบชุดตรวจคัดกรองไต (Urine Microalbumin Dipstick) นำร่องในจังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่แรกของประเทศ ภายใต้ “โครงการความร่วมมือสู่เครือข่ายความเป็นเลิศด้านการคัดกรองโรคไต” 

นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อคัดกรองผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง ลดความเสี่ยงการเข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และสร้างการตระหนักรู้ด้านการป้องกันโรคไต พร้อมเตรียมขยายผลครอบคลุมทั้ง 13 เขตสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการคัดกรองคนไทยกลุ่มเสี่ยงกว่า 7.2 ล้านคนภายในปี 2570

นายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้ ได้ส่งมอบชุดตรวจคัดกรองไต (Urine Microalbumin Dipstick) ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ให้แก่จังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดนำร่องแห่งแรกของประเทศ เนื่องจากปทุมธานีมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อีกทั้งยังมีการดำเนินงานด้านการป้องกันโรคไตอย่างต่อเนื่อง 

ครั้งแรกในไทย นำร่องคัดกรอง ‘โรคไต’ ด้วยชุดตรวจในผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง

เป้าหมายเพื่อคัดกรองผู้ป่วยใน 5 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 

  • ผู้ป่วยเบาหวาน
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคนิ่วในไต
  • โรคเกาต์ และ
  • ผู้ที่ใช้ยา NSAIDs ต่อเนื่อง 

ครั้งแรกในไทย นำร่องคัดกรอง ‘โรคไต’ ด้วยชุดตรวจในผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง

เพื่อค้นหาผู้ป่วยตั้งแต่ระยะแรก ลดโอกาสเข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และสร้างการตระหนักรู้เรื่องการป้องกันโรคไตในชุมชน พร้อมทั้งยังตั้งเป้าขยายผลให้ครอบคลุมทั้ง 13 เขตสุขภาพทั่วประเทศ เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดภาระโรคไตระยะยาว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยให้ดียิ่งขึ้น

นายแพทย์นนท์ จินดาเวช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า จากข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพของสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดปทุมธานี พบมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตประมาณ 11,000 คน โดยผู้ป่วยโรคไตเสื่อมระยะที่ 3 มีมากที่สุดอยู่ที่ประมาณ 5,000 คน หรือเกือบร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโรคไตทั้งหมด และมีผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ต้องฟอกไตประมาณ 700 คน  จากตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่มักเข้ารับการตรวจ เมื่อโรคเริ่มมีความรุนแรงแล้ว 

ครั้งแรกในไทย นำร่องคัดกรอง ‘โรคไต’ ด้วยชุดตรวจในผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง

ดังนั้น การได้รับการสนับสนุนชุดตรวจคัดกรองไต (Urine Microalbumin Dipstick) ภายใต้โครงการความร่วมมือสู่เครือข่ายความเป็นเลิศด้านการคัดกรองโรคไต จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพิ่มโอกาสในการชะลอและป้องกันไม่ให้โรคพัฒนาไปสู่ระยะที่รุนแรงต่อไป โดยชุดตรวจดังกล่าวเหมาะสมกับการทำงานเชิงรุกที่ต้องการเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น

นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และ Frontier Markets กล่าวว่า เจตนารมณ์ของแอสตร้าเซนเนก้า คือการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนให้กับระบบสาธารณสุขไทย และที่สำคัญคือเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชนทุกคน การสนับสนุนชุดตรวจคัดกรองไต (Urine Microalbumin Dipstick) จึงไม่ใช่เพียงการส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการทำงานเคียงข้างภาครัฐและภาคีเครือข่าย 

ครั้งแรกในไทย นำร่องคัดกรอง ‘โรคไต’ ด้วยชุดตรวจในผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง

เพื่อขยายการเข้าถึงการตรวจคัดกรอง ไปยังประชาชนในระดับชุมชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง การเริ่มต้นที่จังหวัดปทุมธานีในฐานะพื้นที่นำร่องถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะต่อยอดสู่การคัดกรองระดับประเทศ และสอดคล้องกับพันธกิจ ACT on CKD ของแอสตร้าเซนเนก้าทั่วโลก ที่มุ่งเปลี่ยนผ่านการดูแลสุขภาพไตจากการรักษาสู่การป้องกัน เพื่อช่วยลดภาระของผู้ป่วย ครอบครัว และระบบสาธารณสุข พร้อมวางรากฐานสังคมไทยที่มีสุขภาพแข็งแรงและยั่งยืนในอนาคต

นายกำพล รักน้อย ตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กล่าวว่า ปทุมธานีเป็นพื้นที่กึ่งเมืองกึ่งชนบท การเข้าถึงครอบครัวในชุมชนจึงมีความท้าทายมากกว่าต่างจังหวัด เพราะหลายครอบครัวอาศัยอยู่ในคอนโดหรือห้องเช่า ในขณะที่คนหนุ่มสาวออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้กลุ่มที่ อสม. พบเจอโรคไตบ่อยที่สุดคือ “ผู้สูงอายุ” ซึ่งมักมีข้อจำกัดในการสื่อสารและการรับข้อมูลสุขภาพ ประกอบกับที่ผ่านมาการตรวจคัดกรองโรคไตที่ต้องอาศัยการเจาะเลือดในโรงพยาบาลเท่านั้น 

ครั้งแรกในไทย นำร่องคัดกรอง ‘โรคไต’ ด้วยชุดตรวจในผู้ป่วย 5 กลุ่มเสี่ยง

เมื่อมีการสนับสนุนชุดตรวจคัดกรองไต (Urine Microalbumin Dipstick) จะสามารถช่วยประเมินสุขภาพไตเบื้องต้นได้พร้อมทั้งยังสามารถให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมการกินที่ส่งผลต่อไต เช่น การบริโภคอาหารรสจัดหรืออาหารแปรรูป เพื่อกระตุ้นให้ชาวบ้านตระหนักและปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น โดยเชื่อว่าการทำงานเชิงรุกของเครือข่าย อสม.จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในชุมชน ลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ ทำให้ผู้มีความเสี่ยงเข้าสู่ระบบการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และป้องกันไม่ให้เข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังได้จริง