สธ. เฝ้าระวัง โรคพิษสุนัขบ้า พื้นที่เสี่ยง กทม. สมุทรปราการ 11 แห่ง

23 ก.ย. 2568 | 09:30 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2568 | 09:36 น.

กรมควบคุมโรค เร่งเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ กทม. -ปริมณฑล รวม 11 แห่ง ย้ำ ผู้ที่เลี้ยงสุนัขและแมวต้องมีความรับผิดชอบในการนำสัตว์เลี้ยงทุกตัวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี

KEY

POINTS

  • กระทรวงสาธารณสุขประกาศเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าใน 11 พื้นที่เสี่ยงของกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ หลังพบเชื้อในสัตว์ที่เขตประเวศ
  • แม้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในพื้นที่เฝ้าระวัง แต่ภาพรวมทั่วประเทศในปี 2568 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย เนื่องจากไม่ไปฉีดวัคซีน
  • เจ้าหน้าที่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ผู้สัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อแล้ว พร้อมแนะนำประชาชนหากถูกสัตว์กัดให้รีบล้างแผลและไปพบแพทย์ทันที

23 กันยายน 2568 นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข่าวแจ้งเตือนพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ และประชาชนถูกสุนัขกัดในพื้นที่เขตประเวศ ส่งผลให้มีการเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขและแมวในพื้นที่เสี่ยง 11 แห่ง ทั้งในกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า 

1. แขวงหนองบอน เขตประเวศ

2. แขวงดอกไม้ เขตประเวศ  

3. แขวงประเวศ เขตประเวศ

4. แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง

5. แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง

6. แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง

7. แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง

8. แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา

9. แขวงบางจาก เขตพระโขนง

10. ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี

11. ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี 

นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค

จากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ติดตามผู้สัมผัสสัตว์ที่ยืนยันโรคพิษสุนัขบ้าทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการนัดหมายให้มาฉีดวัคซีนให้ครบชุดตามแนวทางเวชปฏิบัติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับการฉีดวัคซีนที่ถูกต้อง 

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์โดยกรมปศุสัตว์ ในปี 2568 ณ วันที่ 20 กันยายน 2568 พบว่า ประเทศไทยพบโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์แล้ว 204 ตัว กระจายอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้

จากการเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าในคนของกรมควบคุมโรค พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าจำนวน 7 ราย ซึ่งมีสาเหตุการเสียชีวิตหลักมาจากการไม่ไปพบแพทย์ และไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรค

ดังนั้น เพื่อป้องกันตนเองจากโรคพิษสุนัขบ้าหากถูกสัตว์กัด ข่วน หรือเลียบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย ให้รีบ "ล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ ฉีดวัคซีนให้ครบ" คือ รีบล้างแผลด้วยน้ำ และสบู่นาน 10 - 15 นาที ใส่ยาฆ่าเชื้อ กักสัตว์เพื่อดูอาการอย่างน้อย 10 วัน และรีบไปพบแพทย์เพื่อพิจารณารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบชุด โดยต้องไปตามนัดของแพทย์เสมอ เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้จนแสดงอาการของโรคแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้หายและเสียชีวิตได้ 

ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกแต่ควรเฝ้าระวังสัตว์ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ดุร้าย กัดสิ่งของ วิ่งเพ่นพ่าน หรือเซื่องซึมซุกตัวในที่มืด ปากอ้า ลิ้นห้อยและสีแดงคล้ำ น้ำลายไหล ตัวแข็ง หรือขาอ่อนเปลี้ย เดินโซเซ เป็นต้น

หากพบเห็นให้รีบกักสัตว์ และแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบ หากสัตว์ตัวนั้นตาย และพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะติดตามผู้สัมผัสสัตว์ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรคอย่างครบชุด โดยผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อนจะได้รับวัคซีนประมาณ 4 - 5 ครั้ง

สำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อนจะได้รับวัคซีน 1 - 2 ครั้ง ประชาชนที่เลี้ยงสุนัข และแมวต้องมีความรับผิดชอบโดยการนำสัตว์เลี้ยงทุกตัวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้สัตว์เลี้ยง และป้องกันการแพร่เชื้อสู่คน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422