Pet Humanization ดันตลาดสัตว์เลี้ยงพุ่ง 9.2 หมื่นล้าน ทาสหมา-แมว ควักเงินจ่ายค่าดูแล 5 หมื่นบาท/ตัว/ปี

11 ส.ค. 2568 | 20:30 น.

เทรนด์ Pet Humanization ดันตลาดสัตว์เลี้ยงพุ่ง 9.2 หมื่นล้านบาท โต 13.2% เผยตัวเลขค่าใช้จ่ายทะลุ 5 หมื่นบาท/ตัว/ปี ดันธุรกิจเกี่ยวเนื่องคึกคัก ทั้งอาหารสัตว์ ดูแล-รักษา อุปกรณ์เสื้อผ้า ของเล่น “เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ฯ” ยันพร้อมเดินหน้าวิจัย&พัฒนายารองรับ โดยเฉพาะกลุ่ม Pet Aging ที่กำลังเพิ่มขึ้น

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) คาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2568 จะมีมูลค่าราว 9.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 13.2% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่ามูลค่าตลาดจะทะลุแสนล้านในปี 2569 จากรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ในยุคปัจจุบันที่เลี้ยงสัตว์เสมือนส่วนหนึ่งในครอบครัว มีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งการเลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) มีวิวัฒนาการสู่การเลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวแบบตามใจ หรือเรียกว่า “ทาสหมา-ทาสแมว” (Petriarchy) เลือกซื้อของให้สัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองความพอใจส่วนตน ส่งผลให้การจับจ่ายในส่วนของอุปกรณ์และค่าดูแลมีทิศทางเพิ่มขึ้น

ขณะที่ในสังคมยุคดิจิทัล สัตว์เลี้ยงบางกลุ่มอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจาก “สมาชิกในครอบครัวปกติ” เป็น “สมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้” ผ่านลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ Pet Celebrity และถูกพัฒนาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย (Petfluencer) ช่วยยกระดับสถานะของสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้น

ส่งผลให้ค่าเลี้ยงดูมีแนวโน้มปรับเพิ่มในอัตราเร่ง โดยคาดว่าในปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงแบบสมาชิกในครอบครัวจะสูงถึง 5 หมื่นบาทต่อตัวต่อปี หรือเพิ่มขึ้นกว่า 22.9% จากปีก่อนที่อยู่ราว 4.1 หมื่นบาทต่อตัวต่อปี สูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระแบบดั้งเดิมที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 7,910 บาทต่อตัวต่อปีถึง 6 เท่าตัว ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นแรงส่งผลักดันให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นด้วย

Pet Humanization ดันตลาดสัตว์เลี้ยงพุ่ง 9.2 หมื่นล้าน ทาสหมา-แมว ควักเงินจ่ายค่าดูแล 5 หมื่นบาท/ตัว/ปี

เภสัชกรอภิศักดิ์ คุณเวช Head of Animal Health บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นับตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด-19 ความนิยมของการมีสัตว์เลี้ยงได้เติบโตแบบก้าวกระโดด แม้จะผ่านช่วงโควิด-19 มาแล้วจนอัตราการเพิ่มขึ้นของสัตว์เลี้ยงเริ่มชะลอตัวลง แต่ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยพบว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงยังให้ความสำคัญกับบริการดูแลสุขภาพเฉพาะทาง ทั้งด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพสัตว์ การประกันสุขภาพ การวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อน ตลอดจนการเลือกใช้บริการโรงแรมและโรงพยาบาลสัตว์ โดยเฉพาะในกลุ่มเจ้าของรุ่นใหม่อย่าง Gen Y, Gen Z และผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากแนวคิด “Pet Humanization” หรือการเลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัว โดยความต้องการบริการด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงกลุ่มใหญ่ จะอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 50% ถัดมาจะเป็นปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดที่เริ่มมีแนวโน้มการเติบโตขึ้น

“จากพฤติกรรมเจ้าของสัตว์เลี้ยง จะเห็นว่าผู้เลี้ยงสุนัขมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น เนื่องจากต้องการดูแลใกล้ชิดและมักใช้บริการเฉพาะทาง ส่วนผู้เลี้ยงแมวจะใช้พื้นที่น้อย สามารถเลี้ยงหลายตัวต่อครัวเรือนได้ และแมวมีนิสัยเป็นอิสระ จึงไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากนัก ขณะที่สัตว์พิเศษ (Exotic Pets) อย่างกระต่ายและปลาก็ได้ยังคงได้รับความนิยมเช่นกัน”

Pet Humanization ดันตลาดสัตว์เลี้ยงพุ่ง 9.2 หมื่นล้าน ทาสหมา-แมว ควักเงินจ่ายค่าดูแล 5 หมื่นบาท/ตัว/ปี

เภสัชกร อภิศักดิ์ กล่าวว่า จากทิศทางของตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ (ประเทศไทย) จึงได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตขึ้น ซึ่งหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอหลักของบริษัท นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจยาเพื่อมนุษย์ (Human Pharma) ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาโรคเรื้อรังและโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่นโรคเบาหวาน โรคทางระบบประสาท โรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจ ยังมีกลุ่มธุรกิจยาเพื่อสัตว์ (Animal Health) ซึ่งแบ่งออกเป็น สัตว์เลี้ยง (Pet) สัตว์ปีก (Poultry) หมู (Swine) วัว (วัวนมและวัวเนื้อ) (Cattle) โดยมากกว่าครึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสัตว์เลี้ยง

ทั้งนี้พบว่า โรคเรื้อรังที่พบบ่อยในสัตว์เลี้ยงไทย คือ โรคพยาธิภายในและภายนอก โรคไต โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องและเฉพาะเจาะจง และเทรนด์สำคัญของตลาดสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันคือ “Pet Aging” หรือการดูแลสัตว์เลี้ยงที่เข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งเจ้าของต่างให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ

“เป้าหมายหลักของเราคือให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ มุ่งเน้นให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเข้าถึงยาได้อย่างทั่วถึง โดยผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ภายใต้กฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมากกว่า 90% ต้องจ่ายโดยสัตวแพทย์ ผ่านคลินิก โรงพยาบาลสัตว์ และร้าน Pet shop ที่มีสัตวแพทย์ที่มีใบอนุญาต”

ทั้งนี้บริษัทยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในการพัฒนาหลักสูตรขั้นสูง เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการป้องกันและรักษาโรคให้กับสัตวแพทย์ โดยเน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์โรคในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรายการ ซึ่งครอบคลุมความต้องการของทั้งสุนัขและแมว ทุกสายพันธุ์และทุกขนาด เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมที่สุด

Pet Humanization ดันตลาดสัตว์เลี้ยงพุ่ง 9.2 หมื่นล้าน ทาสหมา-แมว ควักเงินจ่ายค่าดูแล 5 หมื่นบาท/ตัว/ปี

“เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสุขภาพสัตว์เลี้ยง มีบทบาทสำคัญในหลายโครงการเพื่อยกระดับการดูแลรักษา การร่วมมือในการพัฒนาความรู้ด้านวิชาการ สนับสนุนงานวิจัย เช่น การสำรวจปัญหา burnout และความเครียดของสัตวแพทย์ เพื่อออกแบบแนวทางสนับสนุนที่เหมาะสม Partnership Program เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความร่วมมือ โดยเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ เช่น การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ รวมถึงการศึกษาโรคเฉพาะในสุนัขและแมว และการจัดค่ายสุขภาพเพื่อป้องกันโรคจากสัตว์สู่คน“

เภสัชกร อภิศักดิ์ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสุขภาพสัตว์เลี้ยง เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพสัตว์ และพัฒนาความรู้ด้านวิชาการ นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง และยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง โดยกำลังมองหาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อผลักดันนวัตกรรมเภสัชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะโรคที่ต้องการการดูแลเฉพาะทางในอนาคต