นางสาวชนัดดา หยิบเจริญพร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟลอร่า มัลติ โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย ปี 2567 มีมูลค่ากว่า 8.3 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 10-15% ในปี 2568 และด้วยสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง เต็มไปด้วยผู้ผลิตสินค้าทั้งไทยและต่างประเทศ บริษัท ฟลอร่า กรุ๊ป (Flora Group) จึงจับมือดิดิเย่ร์ ตระกูลเภสัชกรผู้ผลิตยามากกว่า 340 ปี จากประเทศเยอรมนี
ร่วมเปิดตัวแบรนด์ “Divita” อย่างเป็นทางการ นำ 3 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรีเมียมอวดโฉม ภายในงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ได้แก่
ผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 สูตรคิดค้นจากแพทย์นักวิจัยคนไทย และเป็นผู้ที่ได้จดสิทธิบัตร PhD.md formulated เพียงหนึ่งเดียวที่ถือเอกสิทธิ์ logo ได้รับอนุญาตจาก Didier ทั้งในส่วนการรับทำสูตรเสริมอาหาร และเครื่องสำอางจากยุโรป พร้อมใบอนุญาตแบบครบวงจร โดยมุ่งสร้างระบบให้แบรนด์ ให้เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์โลกด้านสุขภาพแบบองค์รวม ด้าน Precision Health Supplement หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เน้นความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยและคนเอเชีย
"เราจะมุ่งเน้นการให้ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ภายใต้กลยุทธ์หลัก “ใช้นวัตกรรมและการวิจัย เป็นจุดแข็งในการแข่งขัน” เพราะความงามไม่ใช่แค่การขายคอนเซ็ปต์หรือความเลิศหรู แต่ทุกอย่างต้องจับต้องได้ มีวิทยาศาสตร์รองรับ และผู้บริโภคสัมผัสได้จริง"
ในปี 2568 ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,000 ชิ้น โดยจะมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้ผู้คนรู้จักและเข้าใจถึงคุณภาพของแบรนด์ก่อน เชื่อว่าเมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จักและมั่นคงแล้วยอดขายจะตามมาเอง หากแบรนด์มีความมั่นคงในด้านมาตรฐานการผลิต ราคา งานวิจัย และประสิทธิภาพที่จับต้องได้
นางสาวชนัดดา กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางแห่งการสื่อสาร คุณค่าของสุขภาพเชิงวิทยาศาสตร์ สามารถขยายสู่ภูมิภาคเดียวกันได้ทั้งหมด มีศักยภาพมากในฐานะตลาดที่มีการเติบโตด้านสุขภาพสูง และในเชิงโครงสร้างยังเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ การผลิต และผู้บริโภคมีความรู้เรื่องสุขภาพ
ดังนั้น Divita จึงเตรียมพร้อมสำหรับด้านการตลาดด้วยกลยุทธ์หนุนตลาดไทยเป็น Hub เพื่อขยายตลาดสู่ประเทศจีน ฮ่องกง CLMV และ ASEAN ด้วยการจับมือกับคลินิกสุขภาพเฉพาะทาง ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับวัยทำงานและผู้สูงอายุในเอเชีย ควบคู่กับแผนเจาะตลาดใหญ่ของอาเซียนอย่างเช่นประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย
โดยมีเป้าหมายในอนาคตที่จะร่วมขับเคลื่อนไทยไปสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารเสริมของภูมิภาคเอเชีย เป็นแผนในระยะยาวที่จะเกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีสุขภาพ พร้อมนำความรู้และนวัตกรรมจากเยอรมันมาแลกเปลี่ยนแบบ Knowledge transfer ที่มีความเข้มแข็งด้านการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม จึงถือเป็นแกนกลยุทธ์ของ Divita ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในมิติด้านความยั่งยืน