พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมได้ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก แต่มีไม่สามารถรุกตลาดได้เลยเพราะไม่มีความรู้ด้านการตลาด ดังนั้นจึงร่วมมือกับ Reborna Thailand เป็นบริษัทของภาคเอกชน เพื่อให้เข้ามาทำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ GPO+ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนครั้งแรก รายแรกและรายเดียวในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าขององค์การเภสัชกรรมโดยตรง
"เราต้องการส่งเสริมสุขภาพของคนไทย ตามเทรนด์ใหม่ที่คนอยากดูแลสุขภาพก่อนเจ็บป่วย สอดคล้องกับนโยบายขององค์การอนามัยโลกและนโยบายภาครัฐของไทย โดยอาศัยการตลาดจากมืออาชีพ ซึ่งเริ่มนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 และพร้อมจะรุกตลาดเต็มกำลังใน 2 ไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ให้ผู้บริโภคสามารถบอกปากต่อปากได้ และเปิดตลาดสู่ต่างประเทศได้ภายใน 2 ปี ด้วยการตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 1 พันล้านบาท"
"ปิยธิดา บำรุงรักษ์" CEO Reborna Thailand เปิดเผยว่า จุดแข็งของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ GPO+ คือการเป็นผลิตภัณฑ์ขององค์การเภสัชกรรม เป็นแบรนด์คนไทยที่มีความโดยเด่นด้านความน่าเชื่อถือ บุคคลากร งานวิจัยต่างๆ โดยรุกตลาดแบบ 360 องศา ให้คนในประเทศไทยเข้าถึงทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่แค่ในเมืองใหญ่แต่กระจายไปยังต่างจังหวัดอย่างทั่วถึง ครอบคลุมการดูแลสุขภาพตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยผลิตภัณฑ์กว่า 50 SKU ผ่านร้ายขายยาทั่วกรุงเทพฯ กว่า 80 สาขา และจะกระจายไปยังร้านขายยาที่น่าเชื่อถือในต่างจังหวัดด้วย
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายจะผ่านออฟไลน์ 60% ออนไลน์ 40% โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2568 ไว้ประมาณ 180 ล้านบาท และเชื่อว่าความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจะช่วยผลักดันให้ยอดขายทะลุได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ GPO+ ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ ดังนี้
"ปิยธิดา" กล่าวว่า ได้ตั้งงบการตลาดไว้ราว 20 ล้านบาทเพื่อสื่อการถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมสร้างแบรนด์ GPO+ ให้เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันก่อนป่วย และเป็นแบรนด์เสริมอาหารของคนไทยอย่างแท้จริง
"แม้ตลาดเสริมอาหารใหญ่มาก ความน่าเชื่อถือและเทรนด์ผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ บทบาทของการแข่งขันมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่ความต้องการดูแลสุขภาพก็จะเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งปัจุบันผู้คนใช้เงินประมาณ 1,800-2,000 บาท/เดือน เพื่อใช้จ่ายในการดูแลเรื่องอาหารการกินเพื่อสุขภาพ น้อยที่สุดในต่างจังหวัดประมาณ 400-700 บาท/เดือน"