นายสุนัย วชิรวราการ นายกสมาคมสปาไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ธุรกิจสปา เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์ทาง "การเมือง" ในขณะนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ส่งผลกระทบเพียงส่วนน้อย เพราะผู้ประกอบการน่าจะชินกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลบ่อยครั้ง และต่างปรับตัวจับมือพึ่งพากันเองอยู่แล้ว
"ที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจสปาไม่ค่อยพึ่งได้พึ่งพารัฐบาลมากนัก เราปรับตัวยึดการพึ่งพาตัวเองสำคัญที่สุด ส่วนรัฐบาลเป็นเพียงหน่วยเสริมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนเท่านั้น และต่างทำงานเป็นวาระเอาผลงานชั่วคราว ไม่ต่อเนื่องในระยะยาว
ทำให้เกิดความยุ่งยาก ผู้ประกอบการต้องคอยอธิบายเรื่องเดิม โปรเจคเดิมที่ค้างคากับคนเก่าที่รับปากไว้บอกให้คนใหม่ฟัง ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจชะลอตัว เหมือนต้องคอยเริ่มต้นใหม่กับหัวหน้าห้องคนใหม่ตลอดเวลา"
ดังนั้น ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันแม้การเมืองจะมีความผันผวน ยังไม่ส่งผลกระทบเท่ากับเรื่องเศรษฐกิจ การตลาด ที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างในภาคการท่องเที่ยว นับตั้งแต่หลังตรุษจีนปี 2568 ผู้ประกอบการต่างประสบปัญหาเดียวกันคือ นักท่องเที่ยวจีนได้หายไปจากประเทศ
นายสุนัย กล่าวว่า ภาวะทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้อาจมองได้ว่าเป็นปกติ เพราะเรื่อง "การเมืองไทยไม่เคยมั่นคง" มานานหลายปีแล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจทำได้คือการปรับตัวให้เร็ว ไม่เสี่ยงลงทุนในสิ่งที่ไม่จำเป็น และคาดการณ์ว่าครึ่งหลังของปี 2568 นับจากนี้ ก็ยังจะมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวมาก
"ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไร หรือสถาณการณ์ด้านการเมืองเป็นแบบไน ส่วนใหญ่เอกชนก็จับมือเอกชนกันเองตลอดถึงจะผ่านพ้นวิกฤตไปได้ อย่างสมาคมสปาไทยก็จับมือกับ BDMS เดินหน้ายายขอบเขตธุรกิจไปสู่ wellness เพิ่มอำนาจในการต่อรองกับตลาดและสร้างความมั่นคงในภาวะที่ต้องพึ่งพาตนเอง เพราะหากให้รอรัฐบาลอย่างเดียวก็ไปไม่รอด"
อย่างไรก็ตาม การรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการคือการพึ่งพาตน ปรับตัว รวมกลุ่มกันเอง จึงจะเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดในสภาวะปัจจุบัน