พญ.รัชรา เบญจรงค์เลิศชัย ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก กล่าวว่า สถานการณ์โรงพยาบาลศูนย์ภาคกลางตอนบนขณะนี้ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เกี่ยวข้องกับ “เงินบำรุงโรงพยาบาล” ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณที่ได้มาจากการดำเนินงานของโรงพยาบาล หลัก ๆ คือ รายได้จากการรักษาพยาบาลผู้ป่วยสิทธิข้าราชการประกันสังคม หรือหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยเงินบำรุงจะครอบคลุมค่าิใช้จ่าย 9 ด้าน ได้แก่
1.ค่าวัสดุ เวชภัณฑ์ ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นสำหรับผู้บผู้ป่วย
2.ค่าบำบำรุงรักษาซ่อมแชม อาคาร เครื่องมือทางการแพทย์และระบบต่างๆ ที่เสียหายชำรุดอย่างเร่งด่วน
3.ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างพนักงานรายเดือน/รายวัน
4.ค่าตอบแทนภาระงานนอกเวลา (0T)
5.ค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัฏิบัติงาน (PAD)
6.ค่าฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากร/จัดการประชุมต่างๆ
7.ค่ากิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล
8.การจัดซื้อ/ปรับปรุงเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นเร่งด่วน และ
9.ค่าดำเนินการระบบงานต่าง ๆ เช่น งานไอที เวชระเบียน โดยมีระเบียบการใช้จ่ายเงินบำรุงโรงพยาบาล เป็นแนวทางควบคุมกำกับให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้
"สาเหตุหลักที่เงินบำรุงโรงพยาบาลลดลง เนื่องจากเงินบำรุงส่วนใหญ่มาจากการจัดสรรแบบเหมาจ่ายรายหัวของ สปสช. ซึ่งแบ่งจ่ายหลายกองทุนย่อยมากเกินจำเป็น จึงได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดสรรของ สปสช. และงบกลางที่ได้มาในปี 2567 จัดสรรไปหน่วยบริการใด ขณะที่ภาระงานและต้นทุนการรักษาพยาบาลในปัจจุบันสูงขึ้นจากเทคโลยีและการพัฒนาความก้าวหน้าในการรักษาโรดต่าง ๆ
ทำให้อัตราที่ สปสช. จำยคืนโรงพยาบาบาลไม่สอดคล้องกับต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่แท้จริง โรงพยาบาลจึงขาดสภาพคล่อง จนส่งผลกระทบทั้งการให้บริการประชาชนและการจ่ายค่าตอบแทนบุคลากร ซึ่งเป็นสาเหตุงที่ทำให้บุคลากร ลาออกไปอยู่ภาคเอกชน"
พญ.รัชริน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง สปสช.ควรนำงบประมาณที่ได้รับ มาจัดสรรให้โรงพยาบาลต่าง ๆ เป็นคำรักษาพยาบาลให้เพียงพอกับต้นทุน ก่อนที่จะนำไปจัดสรรในภารกิจอื่น นอกจากนี้ แพทย์ พยาบาล สหวิชาชีพและบุคลากรทุกคน ต้องร่วมมือกันเพื่อเพิ่มรายรับเงินบำรุงโดย
1) เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การตรวจรักษา ลดระยะเวลารอคอย และทำหัตถการที่สามารถเบิกเบิกค่าบริการ เพื่อเพิ่มรายได้จากการเรียกเก็บเงินส่วนกลางหรือกองทุนต่าง ๆ
2) บันทึกเวชระเบียนให้ครบถ้วนถูกต้อง เพื่อเรียกเก็บคำบริการจากกองทุนต่าง ๆ ได้ครบถ้วน
3) เปิดคลินิกบริการพิเศษ เช่น คลินิกมะเร็ง คลินิกโรคเรื้อรัง เพื่อให้สามารถบริการผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นและรวดเร็ว ช่วยให้ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพิเศษหรือโครงการนำร้อง และ
4) พัฒนาระบบงาน คุณภาพการบริการผู้ป่วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาต่อโรงพยาบาล ขณะเดียวกันก็ต้องลดรายจ่าย โดยสั่งจ่ายยาและตรวจแล็บอย่างเหมาะสม ไม่ซ้ำช้อน, ลดระยะเวลาการนอน รักษาในโรงพยาบาล โดยสร้างเครือข่ายการดูแลต่อเนื่อง เช่น ส่งกลับโรงพยาบาลชุมชนหรือดูแลที่บ้าน (Home Wan)
นอกจากนี้ ต้องป้องกันภาวะแทรกช้อนในโรงพยาบาล เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการโดยจัดระบบเวรหรือห้องตรวจให้เหมาะสม ใช้ระบบการปรึกษาทางไกล/การเพทย์ทางไถล ให้ความรู้ผู้ป่วยในการดูแลตนเลตน เป็นต้น