ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ระบุว่า สถานการณ์ในประเทศไทยพบผู้ป่วยจากโรคสมองอักเสบจากเชื้ออะมีบา Naegleria fowleri และเชื้อโปรโตซัว อะแคนทามีบา Acanthamoeba spp. ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด แหล่งน้ำธรรมชาติ ดินที่มีน้ำขัง หรือสระน้ำที่มีคลอรีนไม่เพียงพอ อย่างน้ำประปา น้ำบาดาล
โดยเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยผ่านทางโพรงจมูก เมื่อสำลักน้ำ ดำน้ำ หรือแม้แต่การล้างจมูกด้วยน้ำที่ปนเปื้อน หลังจากนั้นจะเคลื่อนตัวตามเส้นประสาทรับกลิ่น (olfactory nerve) ไปยังสมอง ทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบและสมองอักเสบตามมา ส่วนใหญ่เกิดในฤดูร้อน และมีประวัติสำลักน้ำในบ่อหรือสระน้ำ บางรายไม่มีประวัติสำลักน้ำแต่เล่นสาดน้ำช่วงสงกรานต์
ผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มแรกภายใน 1–12 วันหลังได้รับเชื้อ (ค่าเฉลี่ยประมาณ 5 วัน) แสดงอาการ ดังนี้
อาการเหล่านี้ควรสังเกตให้ดีและรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะหากล่าช้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสียชีวิตได้
นอกจากเชื้อ Naegleria fowleri (อะมีบากินสมอง) และ Acanthamoeba spp. (อะแคนทามีบา) ยังมีพยาธิและโปรโตซัวอื่นๆ อีกหลายชนิดที่อาจปนเปื้อนในน้ำธรรมชาติที่ไม่สะอาด ทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องได้ ฉะนั้นในช่วงสงกรานต์ต้องระวังปรสิต ด้วยการใช้น้ำประปาที่ผ่านการฆ่าเชื้อ, สวมแว่นตากันน้ำ, หลีกเลี่ยงการสำลักน้ำผ่านจมูก และไม่กลืนน้ำขณะเล่นน้ำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากที่สุด