นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE กล่าวว่า ครบรอบ 15 ปีแล้ว หรับการก่อตั้ง MEDEZE จนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ผลประกอบดีมีรายได้รวม 897.22 ล้านบาท ถือว่าเป็นรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัททั้งยอดขายและกำไร
ด้วยธุรกิจหลักคือการเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงวัยปัจจุบัน ถัดมาคือการตรวจ NK Cell เซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ล่าสุดคือธุรกิจเซลล์รากผม MEDEZE Hair Renaissance ธนาคารแช่แข็งเซลล์รากผมแห่งแรกในเอเชีย ที่ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์รากผม โดยบริษัทตั้งเป้าหมายให้บริการลูกค้า 500 เคส ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 5,000 เคส ภายในปี 2573
ส่วนในปี 2568 บริษัทคาดว่ารายเติบโตที่ระดับ 25-30% ทะลุ 1,000 ล้านบาท จากปี 2567 ด้วยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศ จากการเพิ่มขนาดทีมขาย เพิ่มพันธมิตรทางการค้าที่เป็นตัวแทนให้บริการ หรือ Dealer และตัวแทนจำหน่าย หรือ Agent ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ได้มากขึ้น รวมทั้งกลุ่มบริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นบุคคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน บริษัทได้เดินหน้าในการขยายธุรกิจไบโอเทคโนโลยีในประเทศฟิลิปปินส์ จัดตั้งธนาคารเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Cell Banking Biotechnology ประกอบไปด้วย ห้องปฏิบัติการด้านตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับความต้องการในการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในฟิลิปปินส์ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคต รวมถึงรายได้ธุรกิจที่ปรึกษาด้านธุรกิจจากต่างประเทศ และรายได้จากค่าสิทธิในการใช้แบรนด์สินค้า “MEDEZE” จากตัวแทนให้บริการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ตอนนี้ MEDEZE ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูงในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ได้ดีมากนัก แต่จะยังอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ของการเพิ่มรายได้ ขยายตลาดและบริการ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของคนไทย และพร้อมการขยายตัวไปยังต่างประเทศในอนาคตอีกเฉลี่ย 1 ประเทศ/ปี เริ่มต้นในฟิลิปินส์ที่มีอัตราการเกิดของประชากรสูง"
นายแพทย์วีรพล กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณะสุขได้ลงนามผลักดันการแพทย์ชั้นสูงของไทย หรือ ATMPs โดยมีเรื่องของสเต็มเซลล์ (stem cell) ร่วมอยู่ด้วย มีประกาศแผนชัดเจนในการสนับสนุนธุรกิจเซลล์ต้นกำเนิดเป็นธุรกิจที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สอดคล้องกับธุรกิจของ MEDEZE ที่ได้เดินหน้าธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งพัฒนาระบบ AI อัจฉริยะ "MEDEZE Plus Auto Matching Software" เพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน วางแผนติดตั้งหุ่นยนต์เข้ามาในธุรกิจกลางปี 2569 คาดว่าจะพร้อมใช้งานในต้นปี 2570 และจะช่วยลดรายจ่ายเพิ่มรายได้
ส่วนแผนในการขยายธุรกิจในระยะยาว บริษัทได้เครียมเตรียมสร้างธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดแห่งใหม่ด้วยการซื้อที่ดิน 30 ไร่ มูลค่า 552 ล้านบาท ติดถนนใหญ่ใกล้เซ็ลทรัลศาลายา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และรองรับการเติบโตในระยะยาวตามความต้องการของตลาด Stem Cell ที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคตจากฐานลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ
ปัจจัยเชิงบวกจากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนธุรกิจเซลล์ต้นกำเนิดอย่างเต็มที่ และจัดให้อยู่ในกลุ่มนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และบริษัทยังมุ่งเน้นในการพัฒนาระบบ AI อัจฉริยะ "MEDEZE Plus Auto Matching Software" เพื่อใช้ วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียและพฤติกรรมของนักลงทุน ด้วยงบประมาณ 12 ล้านบาท โดยการพัฒนาระบบ AI นี้ จะช่วยให้ MEDEZE สามารถทำตลาดได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงนักลงทุนที่มีศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม MEDEZE จะทำงานวิจัยร่วมกันภาครัฐ ส่งเสริมการตรวจข้อบ่งชี้ของโรคต่างๆ ตลอดจนวางแผนระยะยาวอีก 5-10 ปี เพื่อบุตลาดในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราการเจิรญเติบโตสูง มีสังคมผู้สูงวัย เศรษฐกิจเติบโตได้ดี มีระบบการศึกษาที่มีศัยภาพ สามารถรองรับธุรกิจสเต็มเซลล์และการแพทย์ชั้นสูงได้