MEDEZE เดินหน้าธุรกิจสเต็มเซลล์ ตั้งเป้าปี 68 ดันรายได้ 1 พันล้าน

17 มี.ค. 2568 | 01:50 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2568 | 03:13 น.

“เมดีซ กรุ๊ป” ขยายธนาคารเซลล์รากผมรุกต่างประเทศ พร้อมซื้อที่ดินกางแผนสร้างธนาคารเซลล์แห่งใหม่ ตั้งเป้ารายได้ปี 68 ทะลุ 1,000 ลบ. ขานรับภาครัฐผลักดัน Stem Cell สู่ ATMPs

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE กล่าวว่า ครบรอบ 15 ปีแล้ว หรับการก่อตั้ง MEDEZE จนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ผลประกอบดีมีรายได้รวม 897.22 ล้านบาท ถือว่าเป็นรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัททั้งยอดขายและกำไร 

ด้วยธุรกิจหลักคือการเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงวัยปัจจุบัน ถัดมาคือการตรวจ NK Cell เซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ล่าสุดคือธุรกิจเซลล์รากผม MEDEZE Hair Renaissance ธนาคารแช่แข็งเซลล์รากผมแห่งแรกในเอเชีย ที่ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์รากผม โดยบริษัทตั้งเป้าหมายให้บริการลูกค้า 500 เคส ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 5,000 เคส ภายในปี 2573

MEDEZE เดินหน้าธุรกิจสเต็มเซลล์ ตั้งเป้าปี 68 ดันรายได้ 1 พันล้าน

ส่วนในปี 2568 บริษัทคาดว่ารายเติบโตที่ระดับ 25-30% ทะลุ 1,000 ล้านบาท จากปี 2567 ด้วยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศ จากการเพิ่มขนาดทีมขาย เพิ่มพันธมิตรทางการค้าที่เป็นตัวแทนให้บริการ หรือ Dealer และตัวแทนจำหน่าย หรือ Agent ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ได้มากขึ้น รวมทั้งกลุ่มบริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นบุคคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น 

ในขณะเดียวกัน บริษัทได้เดินหน้าในการขยายธุรกิจไบโอเทคโนโลยีในประเทศฟิลิปปินส์ จัดตั้งธนาคารเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Cell Banking Biotechnology ประกอบไปด้วย ห้องปฏิบัติการด้านตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับความต้องการในการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในฟิลิปปินส์ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคต รวมถึงรายได้ธุรกิจที่ปรึกษาด้านธุรกิจจากต่างประเทศ และรายได้จากค่าสิทธิในการใช้แบรนด์สินค้า “MEDEZE” จากตัวแทนให้บริการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

MEDEZE เดินหน้าธุรกิจสเต็มเซลล์ ตั้งเป้าปี 68 ดันรายได้ 1 พันล้าน

"ตอนนี้ MEDEZE ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูงในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ได้ดีมากนัก แต่จะยังอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ของการเพิ่มรายได้ ขยายตลาดและบริการ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของคนไทย และพร้อมการขยายตัวไปยังต่างประเทศในอนาคตอีกเฉลี่ย 1 ประเทศ/ปี เริ่มต้นในฟิลิปินส์ที่มีอัตราการเกิดของประชากรสูง"

นายแพทย์วีรพล กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณะสุขได้ลงนามผลักดันการแพทย์ชั้นสูงของไทย หรือ ATMPs โดยมีเรื่องของสเต็มเซลล์ (stem cell) ร่วมอยู่ด้วย มีประกาศแผนชัดเจนในการสนับสนุนธุรกิจเซลล์ต้นกำเนิดเป็นธุรกิจที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สอดคล้องกับธุรกิจของ MEDEZE ที่ได้เดินหน้าธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งพัฒนาระบบ AI อัจฉริยะ "MEDEZE Plus Auto Matching Software" เพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน วางแผนติดตั้งหุ่นยนต์เข้ามาในธุรกิจกลางปี 2569 คาดว่าจะพร้อมใช้งานในต้นปี 2570 และจะช่วยลดรายจ่ายเพิ่มรายได้  

ส่วนแผนในการขยายธุรกิจในระยะยาว บริษัทได้เครียมเตรียมสร้างธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดแห่งใหม่ด้วยการซื้อที่ดิน 30 ไร่ มูลค่า 552 ล้านบาท ติดถนนใหญ่ใกล้เซ็ลทรัลศาลายา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และรองรับการเติบโตในระยะยาวตามความต้องการของตลาด Stem Cell ที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคตจากฐานลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ 

MEDEZE เดินหน้าธุรกิจสเต็มเซลล์ ตั้งเป้าปี 68 ดันรายได้ 1 พันล้าน

ปัจจัยเชิงบวกจากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนธุรกิจเซลล์ต้นกำเนิดอย่างเต็มที่ และจัดให้อยู่ในกลุ่มนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง  และบริษัทยังมุ่งเน้นในการพัฒนาระบบ AI อัจฉริยะ "MEDEZE Plus Auto Matching Software" เพื่อใช้ วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียและพฤติกรรมของนักลงทุน ด้วยงบประมาณ 12 ล้านบาท โดยการพัฒนาระบบ AI นี้ จะช่วยให้ MEDEZE สามารถทำตลาดได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงนักลงทุนที่มีศักยภาพ

อย่างไรก็ตาม MEDEZE จะทำงานวิจัยร่วมกันภาครัฐ ส่งเสริมการตรวจข้อบ่งชี้ของโรคต่างๆ ตลอดจนวางแผนระยะยาวอีก 5-10 ปี เพื่อบุตลาดในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราการเจิรญเติบโตสูง มีสังคมผู้สูงวัย เศรษฐกิจเติบโตได้ดี มีระบบการศึกษาที่มีศัยภาพ สามารถรองรับธุรกิจสเต็มเซลล์และการแพทย์ชั้นสูงได้