จับกระแส “ผู้สูงวัย – สมุนไพร” ดันเศรษฐกิจสุขภาพบูม

07 ก.พ. 2568 | 22:05 น.

รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสุขภาพและบริการทางการแพทย์ 4 ด้าน ทั้งต่อยอดธุรกิจ-ส่งเสริมการผลิต-ยกระดับสมุนไพร-เทคโนโลยี ด้านผู้ประกอบการชี้ นโยบายเหล่านี้ควรถูกยกระดับรองรับสังคมผู้สูงอายุของไทยในอนาคตด้วย

หนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ใช้ผลักดันสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ คือ นโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ(Care and Wellness Economy) และบริการทางการแพทย์ (Medical Hub) ประกอบไปด้วย 1. การต่อยอดธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์แผนไทยที่เป็นจุดแข็งเพื่อรองรับความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากการที่ประชากรโลกเข้าสู่สังคมสูงวัย หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (กก.)

2. ส่งเสริมการผลิตและการใช้งานอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในประเทศ หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก คือ สธ. 3. สนับสนุนการยกระดับสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยโดยใช้นวัตกรรม รวมถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในทางเศรษฐกิจและควบคุมผลกระทบทางสังคมโดยการตรากฎหมาย หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก คือ สธ. และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ 

4. สนับสนุนการนำเทคโนโลยีสุขภาพ (Health Tech) และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) มายกระดับมาตรฐานสาธารณสุขไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานนานาชาติเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ของภูมิภาค หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักได้แก่ คือ สธ., กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) และ อว.

แน่นอนว่า นโยบายดังกล่าวเป็นตัวกำหนดโจทย์ให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเดินตาม ซึ่งมีเสียงสะท้อนออกมามากมาย ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จากปัจจัยที่ไทยมีความพร้อมรอบด้าน และยังขาดการฐานรากที่มั่นคงและการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในวงการแพทย์ไทย

“สุนัย วชิรวราการ” นายกสมาคมสปาไทย กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ (Care and Wellness Econormy) และบริการทางการแทย์ (Medical Hub) ที่ต่อยอดจากธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการแพทย์แผนไทยที่เป็นจุดแข็ง เพื่อรองรับความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากการที่ ประชากรโลกเข้าสู่สังคมสูงวัยนั้น ประเด็นนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะข้อมูลผู้สูงอายุในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี

จับกระแส “ผู้สูงวัย – สมุนไพร” ดันเศรษฐกิจสุขภาพบูม

โดยธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่กำลังซื้ออาจจะไม่สูงเมื่อเทียบเท่ากับผู้สูงอายุในต่างประเทศ ยกตัวอย่าง บ้านพักผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีอัตราการเติบโตสูง แต่ราคาที่สามารถเข้าถึง ได้ยังขาดแคลนนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐจึงถือว่ามาถูกทาง

ถัดมาด้านการส่งเสริมการผลิตและการใช้งานอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในประเทศ เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่จะเข้ามาส่งเสริมศักยภาพของผู้ผลิตในประเทศไทย ซึ่งต้องดูความพร้อมของผู้ประกอบการไทยประกอบด้วย โดยเฉพาะองค์ความรู้ในการผลิต ที่อาจต้องวางแผนส่งเสริมในระยะยาว เพราะประเทศไทยส่วนมากยังไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเจาะจง

ในด้านการสนับสนุนยกระดับสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยโดยใช้นวัตกรรม เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดีมากและเห็นความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่นโยบายการผลักดันให้ใช้สมุดไพรเป็นยา ซึ่งช่วยลดการนำเข้าและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ช่วยเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทยได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังทำให้ผู้คนหันมาใช้สมุนไพรเพิ่มขึ้นด้วย

“ที่เห็นได้ชัดเจนคือสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้แทนยาได้ เช่น ฟ้าทลายโจร ในโรงพยาบาลก็สั่งจ่ายเป็นยาให้ผู้ป่วย ส่วนการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในทางเศรษฐกิจ และควบคุมผลกระทบทางสังคมโดยการตรากฎหมายก็มีใช้อยู่บ้าง ในธุรกิจสปาก็ใช้สมุนไพรทั่วไปเป็นปกติอยู่แล้วจึงยังไม่เห็นภาพรวมการใช้ที่เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ไม่ค่อยเห็นธุรกิจสปาใช้กัญชาเท่าไร”

จับกระแส “ผู้สูงวัย – สมุนไพร” ดันเศรษฐกิจสุขภาพบูม

ส่วนการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสุขภาพ (Health Tech) และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เพื่อยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานนานาชาติเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง บริการทางการแพทย์ของภูมิภาค น่าจะเป็นนโยบายระยะยาวที่ยังห่างไกลกับประเทศไทย เพราะเมื่อมองในภาครัฐและระบบการจัดการด้านเทคโนโลยีทั่วไปที่ยังขาดแคลนในกลุ่มประชากรหมู่มาก 

รวมทั้งการให้บริการทางการแพทย์ยังมีความเหลื่อมล้ำสูง ต่างจากภาคเอกชนที่มีความพร้อมมากกว่า และมีตลาดรองรับเฉพาะ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ฉะนั้นประเทศไทยยังต้องพัฒนาในเรื่องนี้อีกมาก และนโยบายนี้ควรจะถูกยกระดับให้ดีขึ้นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นด้วย