นายสมศักด์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 5 “The 5th Thailand Elderly Health Service Forum 2025” ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเกิดลดลง ขณะที่ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้นจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์ ส่งผลให้ผู้สูงอายุในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ร้อยละ 21 ของประชากรรวม หรือประมาณ 14 ล้านคน ถือว่าเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์
การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ที่พบในผู้สูงอายุไทย ประมาณ 7.5 ล้านคน ทั้งเป็นความดันโลหิตสูง 4.6 ล้านคน เป็นเบาหวาน 2.1 ล้านคน โรคหลอดเลือดสมอง 2.5 แสนคน โรคหัวใจและหลอดเลือด 1.9 แสนคน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาและฟื้นฟูสูงมาก
ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก การเคลื่อนไหว อุปสรรคในการทำกิจวัตรประจำวัน และปัญหาด้านความคิด ความจำ ส่งผลกระทบต่อตัวผู้สูงอายุ ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ต้องการบุคลากรในการฟื้นฟูดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก
คาดว่าในปี 2573 จะมีความต้องการกำลังคนด้านสุขภาพผู้สูงอายุหรือแคร์เมเนเจอร์ ประมาณ 37,000 คน ซึ่งปัจจุบันยังขาดอีกกว่า 14,000 คน จึงต้องเตรียมพร้อมพัฒนาศักยภาพและการผลิตกำลังคนด้านสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงวัยไทยได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ ตามบริบทที่เหมาะสม สามารถคงศักยภาพได้นานที่สุด และอยู่ได้ทุกที่อย่างมีความสุข
นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ ทุกภาคส่วนรวมถึงกระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายเตรียมพร้อมรับมือ เช่น การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพกลุ่มวัยผู้สูงอายุ การสนับสนุนการเพิ่มคุณภาพประชากรวัยเด็ก การส่งเสริมกิจกรรมทางสังคม การส่งเสริมการสร้างอาชีพให้มีรายได้เพิ่ม การรณรงค์ให้เกิดการออม การปรับสภาพแวดล้อม และที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
หัวใจหลักในการขับเคลื่อน คือ “การบูรณาการทุกมิติ… เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของผู้สูงอายุ” เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือและดูแลตนเองได้ยาวนานที่สุด มีภาวะพึ่งพิงช้าที่สุด และสามารถอยู่ในที่ตั้งได้อย่างมีความสุข โดยอาศัยการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผสมผสานกับภูมิปัญญาไทยที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยและตอบสนองกับความของการผู้สูงอายุ
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การประชุมวิชาการฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันเน้นย้ำจุดมุ่งหมาย ตลอดจนปูทางให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาองค์ความรู้และวิทยาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุให้กับบุคลากรทุกสาขาวิชาชีพ ชุมชน ครอบครัว และตัวผู้สูงอายุเอง ได้มีภูมิคุ้มกันในการก้าวสู่สังคมสูงอายุได้อย่างมีคุณภาพ
โดยมีมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมให้ความรู้กว่า 100 ท่าน และยังมีนิทรรศการด้านวิชาการและการให้บริการประชาชนจากองค์กรทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมทุกมิติ กว่า 40 องค์กร