เช็กลิสต์ 5 โรค' หลังลุยน้ำท่วม เผยอาการ-วิธีป้องกันอย่างถูกต้อง

26 พ.ย. 2568 | 22:17 น.

น้ำลดโรคไม่ลด! เช็กด่วน 5 โรคร้ายจากน้ำสกปรก ฉี่หนู ตาแดง น้ำกัดเท้า ดูอาการที่ต้องสงสัยและวิธีป้องกันตนเองอย่างถูกต้องก่อนสายเกินแก้

KEY

POINTS

  • เตือน 5 โรคติดต่อสำคัญที่มากับสถานการณ์น้ำท่วม ได้แก่ โรคฉี่หนู, โรคน้ำกัดเท้าและผิวหนัง, โรคทางเดินอาหาร, โรคตาแดง, และไข้หวัดใหญ่
  • วิธีป้องกันโรคจากการสัมผัสน้ำโดยตรง คือการสวมรองเท้าบูทกันน้ำ หลีกเลี่ยงการแช่น้ำนาน และรีบทำความสะอาดร่างกายให้แห้งทันที
  • ป้องกันโรคทางเดินอาหารและโรคตาแดงโดยการดื่มน้ำต้มสุก รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ล้างมือให้สะอาด และไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • ควรดูแลรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมเสื้อผ้าที่แห้งสะอาด และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไข้หวัดที่มากับความชื้นและความเย็น

สถานการณ์น้ำท่วมไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดีที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง

หลังน้ำท่วมคือช่วงเวลาวิกฤตที่ต้องเพิ่มการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากน้ำสกปรกที่ปนเปื้อนทั้งสิ่งปฏิกูล มูลสัตว์ และเชื้อโรคหลากหลายชนิด ยังคงเป็นภัยเงียบที่รอคุกคามสุขภาพของทุกคน เพื่อความปลอดภัยของท่านและครอบครัว 5 โรคติดต่อสำคัญ ที่มาพร้อมกับน้ำท่วม ซึ่งประชาชนควรทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมืออย่างมืออาชีพ

1. โรคฉี่หนู ภัยร้ายที่มากับน้ำและดินโคลน

เป็นโรคที่ต้องระวังที่สุดเมื่อมีการลุยน้ำ โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะหนู ซึ่งจะปล่อยเชื้อลงในแหล่งน้ำและดินโคลน เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล รอยถลอก หรือผิวหนังที่เปื่อยจากการแช่น้ำนาน

อาการมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ และมีอาการเด่นคือ ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะน่องและโคนขา หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ไตวาย ตับวาย หรือเลือดออกในปอดได้

การป้องกันสวมใส่รองเท้าบูทกันน้ำทุกครั้ง ที่ต้องสัมผัสน้ำหรือดินโคลน และล้างทำความสะอาดร่างกายทันทีหลังกลับเข้าที่พัก

2. โรคน้ำกัดเท้าและโรคผิวหนัง ภัยคุกคามที่ผิวหนัง

การแช่น้ำสกปรกและอับชื้นเป็นเวลานานทำให้ผิวหนังอ่อนแอและเป็นประตูเปิดรับเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณเท้าและซอกนิ้ว

อาการผิวหนังเปื่อยยุ่ย ขาวซีด คัน และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ส่วนผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้ออาจเกิดผื่นแดง มีตุ่มน้ำ หรือมีหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

การป้องกันหลีกเลี่ยงการแช่น้ำนาน ๆ หากจำเป็นให้รีบเช็ดผิวหนังให้แห้งทันทีเมื่อขึ้นจากน้ำ และทาครีมบำรุงเพื่อลดความเปื่อยยุ่ย และใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา แบคทีเรียหากมีอาการ

3. โรคทางเดินอาหาร อุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ

ในช่วงน้ำท่วมปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดและอาหารที่ถูกสุขอนามัยเป็นปัญหาหลัก ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด อาการถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาเจียน คลื่นไส้ ปวดท้อง หากถ่ายมากอาจเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่

การป้องกันดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำบรรจุขวดเท่านั้น รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ และร้อน ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหารและหลังใช้ห้องน้ำ

4. โรคตาแดง ติดต่อง่ายและรวดเร็ว

เป็นโรคที่แพร่กระจายได้ง่ายมากในกลุ่มผู้ประสบภัยที่ต้องใช้ชีวิตรวมกัน และการสัมผัสกับน้ำท่วมที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน อาการตาแดงก่ำ ระคายเคืองตา ปวดตา มีน้ำตาไหล และมีขี้ตาเป็นเมือกหรือหนอง

การป้องกันห้ามใช้มือขยี้ตาโดยเด็ดขาด ล้างมือบ่อย ๆ และไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อรับยาหยอดตา

5. ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ภัยที่มากับความชื้นและความเย็น

การอยู่ในสภาพอากาศชื้น ถูกฝน และความเย็นเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดลง และติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจได้ง่ายอาการ มีไข้ ตัวร้อน ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก และปวดเมื่อยตามตัว

การป้องกันรักษาความอบอุ่นของร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกให้แห้งทันทีและควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องใกล้ชิดกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

ดังนั้นในสถานการณ์หลังน้ำท่วม การจัดการขยะมูลฝอย การทำความสะอาดบ้านเรือนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ขอให้ทุกท่านปลอดภัย และผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี