Health & Wellness แรงเกินคาด บิ๊กเนมโชว์ฟอร์มกวาดยอดขาย กำไร ถ้วนหน้า

13 พ.ย. 2568 | 22:03 น.

Health & Wellness แรงเกินคาด เผยผลกระกอบการ 9 เดือน ปี 68 'SNPS' กำไรสุทธิ 76.36 ล้านบาท เติบโต 47.96% จากธุรกิจสารสกัดสมุนไพร โมเดลธุรกิจครบวงจร 'BLC' กำไรสุทธิ 137.1 ล้านบาท เติบโต 13% แรงหนุนจากกลุ่มเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 'TMAN' กวาดกำไรสุทธิ 112.6 ล้านบาท เติบโต 8.1% ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

KEY

POINTS

  • บริษัทใหญ่ในกลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Wellness) มีผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างถ้วนหน้า
  • SNPS โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนโตเกือบ 48% จากธุรกิจสารสกัดสมุนไพรและโมเดลธุรกิจครบวงจร ขณะที่ BLC มีรายได้โต 10.9% จากกลุ่มเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • TMAN ใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงผ่านการจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิต (OEM) ส่งผลให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง พร้อมวางแผนขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

ตลาดสุขภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและสมุนไพรที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นและมองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดี บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมนี้จึงแสดงศักยภาพในการเติบโตที่โดดเด่นผ่านกลยุทธ์ที่หลากหลาย ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ

1.บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยรายได้รวมสูงถึง 150.71 ล้านบาท เติบโต 11.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 29.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยบวกจากการควบคุมต้นทุนและการขยายโอกาสทางธุรกิจผ่านการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ครอบคลุมและสร้างมูลค่าเพิ่ม (Integrated Business Model)

การเติบโตที่โดดเด่นในไตรมาสนี้สะท้อนจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน รายได้จากการขายและบริการที่ 146.07 ล้านบาท เติบโต 12.09% โดยส่วนใหญ่ได้มาจากผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพร (API) ซึ่งทำรายได้ 52.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.92% จากกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

 

บริษัทยังมีรายได้จากการรับจ้างพัฒนาและผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (ODM) จำนวน 87.07 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัท (OBM) ทำสถิติเติบโตถึง 387.45% เป็น 6.47 ล้านบาท การเติบโตในหมวด OBM มาจากการขยายช่องทางจัดจำหน่ายและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ช่วยขยายการตลาดได้อย่างรวดเร็ว ผลักดันยอดขายของแบรนด์ Colosure™ และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Wellnova™ ซึ่งสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.36 ล้านบาท เติบโต 47.96% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 416.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.42% โดยปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตมาจากผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพร (API) ที่เติบโต 40.26% และรายได้จาก ODM ที่เพิ่มขึ้น 6.83% ขณะเดียวกัน การขายสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัท (OBM) ยังเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 75.77%

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNPS กล่าวว่า การดำเนินงานในไตรมาส 3 สะท้อนถึงผลสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่โมเดลธุรกิจครบวงจร (Integrated Business Model) ซึ่งทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ใหม่สูงสุดและกำไรสุทธิเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บริษัทยังพร้อมที่จะก้าวข้ามสู่ตลาดโลก โดยมีแนวทางการขยายธุรกิจตามกระแสสุขภาพโลก โดยเฉพาะในตลาดสารสกัดสมุนไพรที่เติบโตต่อเนื่องในอุตสาหกรรมยา อาหาร และความงาม

“เรามองเห็นโอกาสในตลาดสารสกัดสมุนไพรที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในระดับโลก และเราพร้อมที่จะใช้ความเชี่ยวชาญในด้านวิทยาศาสตร์ (Bioscience) ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่มูลค่า ทำให้เรามีความมั่นใจในการรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน” 

บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 30% ภายในปีหน้า ซึ่งจะมาจากการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ขับเคลื่อนการเติบโตในธุรกิจสารสกัดสมุนไพร (API) และการขยายแบรนด์ใหม่ (OBM) เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตยั่งยืนในระยะยาว

2. บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,257.1 ล้านบาท เติบโต 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 137.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายในกลุ่มเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เติบโตสูง รวมทั้งการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งร้านขายยาและออนไลน์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2568 มีรายได้ 403.9 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 1.4% โดยมาจากการขยายตัวของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเสริมอาหาร แม้กำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์

สำหรับการเติบโตในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเติบโต 42.7% และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโตก้าวกระโดด 30% ขณะที่การขยายช่องทางออนไลน์เติบโตถึง 119% และร้านขายยาเติบโต 14.2% นอกจากนี้ การบริหารต้นทุนยังช่วยให้บริษัทรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 58.7% และอัตรากำไรสุทธิที่ 10.9%

ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดตัวยาสามัญใหม่สำหรับรักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเสริมสร้างการเติบโตในระยะยาว ภก.สุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมพร้อมที่จะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางโรงพยาบาล และขยายตลาดในร้านขายยา ขณะเดียวกันการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่กำลังก้าวหน้า โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2569 รองรับการขยายกำลังการผลิต

“เรามั่นใจในทิศทางการเติบโตของ BLC ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยการเปิดตัวยารักษาเบาหวานใหม่และความคืบหน้าในการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายโอกาสในอุตสาหกรรมยาและสุขภาพ”

3.บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล (TMAN) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ยอดเยี่ยม โดยทำรายได้รวม 656.1 ล้านบาท เติบโต 23% จากปีที่ผ่านมา และทำกำไรสุทธิ 112.6 ล้านบาท เติบโต 8.1% ขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงผ่านการขยายพอร์ตธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการจัดจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์ภายนอกและการรับจ้างผลิตจากแบรนด์ต่างประเทศ (OEM) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น

นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMAN กล่าวว่า การกระจายความเสี่ยงในพอร์ตธุรกิจ (Diversification) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะในธุรกิจจัดจำหน่ายจากแบรนด์ภายนอกและ OEM ซึ่งได้รับการตอบรับดี ทำให้รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 สูงถึง 1,780 ล้านบาท เติบโต 8.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

TMAN ยังเตรียมแผนการขยายฐานลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม “Vita-C Series” ซึ่งเป็นวิตามินซีที่มุ่งเน้นการขยายกลุ่มแม่และเด็ก พร้อมลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดต่างประเทศและธุรกิจ OEM นายประพลกล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10-15% ตามเป้าหมาย

นายประพล ฐานะโชติพันธ์

นอกจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว TMAN ยังมีการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านวัตถุดิบและกระบวนการผลิต ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 6.4% นอกจากนี้ยังเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ เช่น โอมาน, อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดต่างประเทศ

สำหรับปี 2569 นายประพลคาดการณ์ว่าตลาดเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพทุกวัย ด้วยแผนการตลาดที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ TMAN เชื่อมั่นว่าการเติบโตในปีหน้าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้