นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษาขับเคลื่อนนโยบาย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กนก วงษ์ตระหง่าน (Kanok Wongtrangan) เรื่อง บ้านพักคนชราจำเป็นสำหรับสังคมไทยแล้ว ระบุเนื้อหาที่น่าสนใจว่า เกี่ยวกับการตรวจเยี่ยม "วาสนะเวศม์" หรือ บ้านพักคนชราของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จังหวัดอยุธยา
สำหรับ "วาสนะเวศม์" มีห้องพัก 3 แบบ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ผู้สูงอายุต้องเสียค่าแรกเข้า ยกเว้นห้องพักรวมซึ่งทั้งหมดเป็นคนยากจน ส่วนทาวเฮาส์และบ้านเดี่ยวต้องเสียค่าแรกเข้า 200,000 บาท และค่าบริการทุกอย่างรวมอาหาร 3 มื้อเดือนละ 2,000 บาท สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
วาสนะเวศม์สามารถรับผู้สูงอายุได้ประมาณ 200 คนเท่านั้น และมีคิวรอเข้าพัก 5 ปี แสดงว่าความต้องการมากกว่าความสามารถให้บริการของกระทรวงพม.ได้
สำหรับจุดเด่นของวาสนะเวศม์ นอกจากเรื่องราคาบริการที่ถูกและดีแล้ว บริเวณเชื่อมต่อระหว่างอาคารจะเป็นทางเดินมีหลังคา ราวจับ พื้นเรียบและเป็นทางลาดทั้งหมดที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
โดยรอบอาคารที่พักจะเป็นระเบียงมีที่นั่งยาวตลอดรอบอาคารให้ผู้สูงอายุได้นั่งเล่นได้ และที่นั่งนี้ยังเป็นที่กั้นไม่ให้ผู้สูงอายุพลัดตกไปด้วย นับว่าเป็นการออกแบบที่ฉลาดและมีประโยชน์ใช้สอยมาก
นอกจากนี้ยังมีที่รับประทานอาหาร มีแม่ครัวและโรงครัวประกอบอาหารตามหลักโภชนาการทุกวันไม่มีวันหยุดด้วยค่าอาหารเพียงวันละ 60 กว่าบาทที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล มีพื้นที่ออกกำลังกาย ที่นั่งสังสรรค์ระหว่างกันเป็นจุดๆตลอดอาคารทั้งหมด
ที่สำคัญคือมีเจ้าหน้าที่ของกรมผู้สูงอายุปฏิบัติหน้าที่คลอด 24 ชั่วโมงเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตั้งแต่ผู้ปกครองจนถึงคนสวนพักอาศัยในบ้านพักคนชรานี้ด้วย
นายกนก ระบุว่า ที่ผ่านมาได้ไปตรวจเยี่ยมบ้านพักแห่งนี้เพื่อรู้จัก เข้าใจ และช่วยหาแนวทางช่วยผู้สูงอายุอีกนับล้านคนในสังคมไทยวันนี้ที่ยังไม่มีโอกาสมีที่พักที่ปลอดภัยและมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต ผู้สูงอายุที่ผมพูดถึงนี้ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุที่ยากจนเท่านั้น แต่หมายถึงผู้สูงอายุที่เป็น “มนุษย์เงินเดือน” ในภาครัฐและเอกชนล้วนเดือนร้อนแล้วทั้งสิ้น
การให้รัฐสร้างบ้านพักคนชราให้เพียงพอกับความต้องการ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราต้องช่วยกันสนับสนุนให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะมูลนิธิที่ไม่หวังกำไรช่วยกันสร้างบ้านพักผู้สูงอายุที่ไม่แพง ค่าบริการที่ไม่เป็นภาระกับผู้สูงอายุ แต่มีความปลอดภัย สะอาด สงบเงียบ บรรดาคนรวยในสังคมไทยน่าจะคิดทำบุญกับบ้านพักคนชรามากกว่านี้
ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องช่วยกันสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง และสร้างชุมชนที่เอื้ออาทรที่จะช่วยเหลือและพึ่งพิงกันให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ความจริงสังคมไทยในอดีตเคยมี “ทุนทางสังคม” นี้อยู่แล้ว แต่ถูกทำลายไปทีละน้อยด้วยวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่เน้น “ตัวใครตัวมัน” เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยพบคนที่เชื่อในระบบตัวใครตัวมันและมีความสุขในยามชรา
“โจทย์ผู้สูงอายุในสังคมไทยเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มีทางออกที่ปฏิบัติได้ ในฐานะที่เป็นผู้สูงอายุคนหนึ่งขอพูดตรง ๆ กับรัฐบาลว่า เราไม่ต้องการนโยบายสวย ๆ ผ่านคลิปโซเชียล เราต้องการผลการปฏิบัตินโยบายที่เกิดผลสำเร็จ คือความปลอดภัยและความสุขของผู้สูงอายุ” นายกนก กล่าว