ในโลกยุคใหม่ที่ผู้คนหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น หนึ่งในโรคเรื้อรังที่แฝงตัวอยู่กับชีวิตประจำวันของคนไทยโดยไม่รู้ตัวคือ "โรคเบาหวาน" ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาทางสุขภาพระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต และการไม่ออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมเมือง
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า เบาหวานไม่ใช่โรคของผู้สูงอายุอีกต่อไป แต่เริ่มพบได้ในคนอายุน้อยลงอย่างต่อเนื่อง และที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเป็นโรคนี้ในระยะเริ่มต้น จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน
นพ.ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ นายกสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย ประธานวิชาการ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานมักจะแสดงอาการบางอย่างตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งหากสังเกตและเข้ารับการตรวจรักษาได้ทันเวลา จะช่วยควบคุมโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมาก โดยอาการเบื้องต้นที่พบได้บ่อย มีดังนี้
1.ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย และรู้สึกกระหายน้ำตลอดเวลา
2.หิวบ่อย อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลเป็นพลังงานได้ จึงไปดึงพลังงานจากไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน ส่งผลให้รู้สึกหิว อ่อนเพลีย และน้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
3.แผลหายช้า – ติดเชื้อง่าย
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อง่าย ฝีขึ้นบ่อย หรือแผลเล็ก ๆ กลายเป็นแผลเรื้อรัง
4.ตาพร่ามัว
สายตาเปลี่ยนแปลง บางคนมองไม่ชัด เห็นภาพซ้อน หรือมีอาการจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะน้ำตาลสะสมในเลนส์ตา
5.ชาปลายมือปลายเท้า
อาการเหล่านี้เกิดจากเส้นประสาทที่ถูกทำลายจากระดับน้ำตาลสูงอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่การสูญเสียความรู้สึกที่เท้า และเสี่ยงต่อการเกิดแผลเรื้อรัง
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดควรทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การควบคุมโรคจะง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่าการปล่อยให้มีอาการแทรกซ้อนแล้วค่อยรักษา
เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ "คุมได้ ถ้ารู้เร็ว รักษาไว" ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการใช้ยาอย่างถูกต้อง หากมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น อย่านิ่งนอนใจ เพราะสุขภาพดี เริ่มต้นจากการใส่ใจตัวเอง