วันนี้ 26 กุมภาพันธ์ 2568 หมอเจด นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอเจด ว่า เคยมั้ย กินข้าวอิ่มจนพุงจะแตก แต่ไม่ทันข้ามชั่วโมงดี หิวอีกแล้ว แล้วบางทีพอกินเสร็จก็รู้สึกง่วง เพลีย เหมือนพลังงานหายไปเฉย ๆ ทั้งที่กินมื้อใหญ่แท้ ๆ
เรื่องนี้จริง ๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกับว่าเรากินเยอะไปนะครับ แต่เกี่ยวกับ “ลำดับการกิน” ต่างหาก หลายคนอาจจะยังไม่รู้ แต่บอกเลยว่ามีงานวิจัยรองรับชัดเจนว่าแค่เราเปลี่ยนลำดับการกินนิดหน่อย สุขภาพก็เปลี่ยนได้แล้วครับ มันดียังไงมาลองฟังกันดูครับ
1. ทำไมแค่เปลี่ยนลำดับการกินถึงช่วยได้?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนครับ เวลากินอาหารเข้าไป ร่างกายเราจะมีการตอบสนองโดยการปล่อยฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินซูลิน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดถ้าเราเริ่มมื้อด้วยของที่มีคาร์บเยอะ ๆ (เช่น ข้าว, ขนมปัง, ของหวาน) น้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงปรี๊ด ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว
แต่ปัญหาคือ พอมันพุ่งเร็ว มันก็ตกเร็วเช่นกันครับ พอตกเร็ว เราก็จะหิวไวขึ้น แถมถ้ากินแบบนี้บ่อย ๆ น้ำหนักขึ้นง่าย และยังเพิ่มความเสี่ยงเป็น เบาหวาน ได้อีกด้วย เพราะร่างกายต้องผลิตอินซูลินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรับมือกับระดับน้ำตาลที่สวิงไปมา กลับกันนะ ถ้าเรากินตามลำดับที่เหมาะสม ร่างกายจะค่อย ๆ ดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินขึ้นช้าลง รู้สึกอิ่มนานกว่าเดิม แถมยังช่วยให้พลังงานคงที่ ไม่หิวบ่อย
2. งานวิจัยที่ยืนยันว่าเรียงลำดับอาหารเปลี่ยนสุขภาพได้จริง
มีงานวิจัยหนึ่งที่น่าสนใจมากครับ โดยทดลองกับกลุ่มคนที่มีปัญหาน้ำตาลในเลือดสูง เขาให้กลุ่มทดลองลองกินอาหารใน 3 แบบ แล้ววัดระดับน้ำตาลในเลือดกับอินซูลินหลังจากกินไปแล้ว 1 ชั่วโมง และ 3 ชั่วโมง
ลองเดาเล่นๆก่อนนะ ว่าลำดับแบบไหนดีสุด
กินคาร์บ -> โปรตีน -> ผัก
ลำดับนี้จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด พุ่งเร็ว ใน 1 ชั่วโมงแรก ถึงจะทำให้อิ่มเร็วก็จริง แต่ปัญหาคือ พอครบ 3 ชั่วโมง น้ำตาลจะตกแบบฮวบ ๆ ส่งผลให้หิวเร็ว และมีแนวโน้มกินบ่อยขึ้น ทำให้อ้วนง่ายขึ้น และเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน
กินโปรตีนพร้อมผัก -> คาร์บ
ลำดับนี้ก็ใช้ได้ครับ เพราะระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นช้าลงเช่นกัน อินซูลินจะขึ้นแบบกลาง ๆ แล้วค่อย ๆ ลดลงช้า ๆ ภายใน 3 ชั่วโมง ทำให้อิ่มนานพอสมควร และช่วยควบคุมความหิวได้ดี
กินผัก -> โปรตีน -> คาร์บ
นี่แหละครับคือ ลำดับที่แนะนำ เพราะมันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นช้า ตกช้า อินซูลินก็ไม่สวิงแรง แปลว่าเราจะรู้สึกอิ่มนานขึ้น อิ่มจนกว่าจะถึงมื้อถัดไปจริง ๆ ซึ่งช่วยลดโอกาสน้ำหนักขึ้นและลดเสี่ยงเบาหวานไปด้วย
3. แล้วเราควรกินแบบไหนถึงจะเวิร์ก?
หลักการง่าย ๆ เลยครับ จำสูตรนี้ให้ขึ้นใจ
“ผัก -> โปรตีน -> คาร์บ”
ปิดท้ายด้วยคาร์โบไฮเดรต
เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต หรือมันเทศ โดยเลือกคาร์บดี ๆ ที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะช่วยให้พลังงานค่อย ๆ ปลดปล่อยอย่างสม่ำเสมอ ไม่พุ่งเร็วแล้วดิ่งฮวบ
ตัวอย่างง่าย ๆ
4. ทำไมการกินแบบนี้ถึงช่วยลดน้ำหนักและลดเสี่ยงเบาหวานได้?
อาจจะดูเหมือนเวอร์ แต่การคิดแบบนี้ ช่วยให้ร่างกายเราดีขึ้นกว่าที่คิดนะ
5. ถ้าอยากลดน้ำหนัก ลดเสี่ยงเบาหวานให้ได้ผล ต้องทำควบคู่กับสิ่งเหล่านี้ด้วยนะ
การเรียงลำดับการกินอย่างเดียวอาจช่วยได้ แต่ถ้าอยากได้ผลลัพธ์แบบจึ้ง แบบปัง ทั้งลดน้ำหนักและลดเสี่ยงเบาหวาน ต้องปรับพฤติกรรม ควบคู่ด้วยครับ
ทำ IF (Intermittent Fasting)
การกินแบบมีช่วงเวลา เช่น กินเฉพาะช่วง 8 ชั่วโมง และงดกิน 16 ชั่วโมง (เช่น กินตั้งแต่ 12.00-20.00 น.) ช่วยให้ร่างกายมีช่วงเวลาได้พักจากการย่อยอาหาร ทำให้อินซูลินลดลง ส่งผลดีต่อการเผาผลาญไขมันและลดเสี่ยงเบาหวาน
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ไม่จำเป็นต้องเข้ายิมหนัก ๆ แค่เดินเร็ว ให้ได้อาทิตล์ละ 150 นาทีหรือทำกิจกรรมที่ได้ขยับร่างกายบ่อย ๆ จะช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน และทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้น
ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว:
นอนหลับให้เพียงพอ
ลดความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นให้หิวง่ายและเพิ่มการสะสมไขมัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ลองหากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ โยคะ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ