ตลาดสินเชื่อบ้านแลกเงินความต้องการคึกคัก แบงก์เปิดศึกประเคนดอกเบี้ยตํ่าดึงลูกค้า “ซีไอเอ็มบี ไทย” ชู 3 ปีแรก 5.4% ยํ้าผู้กู้มีคุณภาพค่าย “กรุงศรีอยุธยา” ส่งสัญญาณกลุ่มสตาร์ตอัพแห่ขอวงเงินทำธุรกิจเหตุต้นทุนตํ่า ลั่นปัดฝุ่นทำแคมเปญใหม่ยอดโตกว่า 67% เอ็นพีแอลอยู่ที่กว่า 2% ฟาก “กสิกรไทย” เน้นฐานลูกค้าเดิมรู้ประวัติชำระตั้งเป้าโต 7-8%
[caption id="attachment_79102" align="aligncenter" width="700"]
CIMB krungsri[/caption]
นางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณที่สถาบันการเงินเข้ามาเล่นตลาดสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยใช้ที่อยู่อาศัยมาเป็นหลักประกันมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าบางกลุ่มที่ผ่อนชำระที่อยู่อาศัยหมดแล้ว แต่ต้องการวงเงินเพื่อทำธุรกิจเสริม /ทุนการศึกษาบุตร หรือค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน แต่ไม่ต้องการกู้สินเชื่อประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูงเฉลี่ย 28% หรือกลุ่มลูกค้าที่มีธุรกิจแน่นอนจะกู้สินเชื่อเอสเอ็มอีค่อนข้างจะยุ่งยาก ในส่วนของซีไอเอ็มบี ไทย ที่พยายามจะตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าในตลาด (ดูตารางประกอบ)
อย่างไรก็ดี พอร์ตโดยเฉลี่ยประมาณ 70-80% การขอวงเงินสินเชื่อจะอยู่ที่วงเงินตั้งแต่ 2-10 ล้านบาท และที่เหลือประมาณ 20-30% วงเงินจะอยู่ที่ 10-30 ล้านบาท ขณะที่สัญญาณการผ่อนชำระของลูกค้ากลุ่มนี้ยังคงเป็นปกติ เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกันและลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเงินเดือนประจำ จึงทำให้อัตราการผิดนัดชำระไม่มีปัญหา
ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่ออเนกประสงค์อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12% ของพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักประกันอยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่ออเนกประสงค์ใหม่จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20-25% คาดว่าภายในสิ้นปีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอเนกประสงค์จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักประกันจะเพิ่มเป็น 8 หมื่นล้านบาท
ด้านนายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลาดสินเชื่ออเนกประสงค์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีประชาชนและลูกค้าให้ความสนใจสินเชื่อลักษณะนี้พอสมควร โดยจากการสำรวจจะพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะนำวงเงินไปใช้ 2-3 วัตถุประสงค์ คือ 1.นำสินเชื่อไปใช้อุปโภคบริโภคในยามฉุกเฉิน 2. ลูกค้าที่มีเงินเดือนประจำ แต่ต้องการทดลองประกอบธุรกิจเล็กๆ หรือกลุ่มสตาร์ตอัพ จะนำสินเชื่อประเภทนี้ไปลงทุน เพราะหากกู้สินเชื่อประเภทเอสเอ็มอีจะค่อนข้างยุ่งยาก อาจจะต้องมีเรื่องการวางแผนธุรกิจหรือกระแสเงินสด แต่สินเชื่อประเภทนี้ไม่ต้องทำ และ 3.การบริหารเงินของผู้บริโภค โดยนำสินเชื่อไปปิดวงเงินกู้เดิมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยของลูกค้าลดลง เนื่องจากสินเชื่อประเภทนี้โดยเฉลี่ยประมาณ 10% เมื่อเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล-บัตรเครดิตที่อยู่ 20-28% ทำให้สินเชื่อประเภทนี้มีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ธนาคารไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ตลาดได้รับรู้มากนักว่าธนาคารมีสินเชื่อประเภทนี้ แต่ภายหลังธนาคารได้จัดแคมเปญ “สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช” บ้านเปลี่ยนเป็นเงิน จะเห็นว่ายอดการเติบโตและผลตอบรับค่อนข้างดี โดยมีอัตราขยายตัวสูงถึง 67% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้สิ้นสุดเดือนมิถุนายน มียอดคงค้างประมาณ 1.25 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดสินเชื่อใหม่โดยรวมครึ่งปีแรกเติบโต 21% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2558
ขณะที่คุณภาพสินเชื่อถือว่าค่อนข้างดี เพราะลูกค้าจะไม่ค่อยทิ้งหลักประกันคือบ้านกัน โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในส่วนของสินเชื่อประเภทนี้ จะน้อยกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต แต่จะมีอัตราสูงกว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีแอลสินเชื่อดังกล่าวอยู่ราวกว่า 2% ถือว่าไม่สูงมาก
ด้านนางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับประชาชนที่ขอกู้ ประกอบกับสินเชื่อประเภทนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เพราะเป็นลูกค้าที่ทางธนาคารรู้จักประวัติการผ่อนชำระหนี้เป็นอย่างดี โดยธนาคารกสิกรไทยจะใช้ชื่อว่าสินเชื่อบ้านอเนกประสงค์กสิกรไทย (Multi purpose หรือ Top up loan) โดยปี 2559 ทางธนาคารคาดว่าจะมียอดสินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ เติบโตจากเดิมประมาณ 7-8% ซึ่งจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านกับทางธนาคารที่ดี
ทั้งนี้ ณ เดือนพฤษภาคม สินเชื่อบ้านฯมียอดคงค้างอยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท เติบโต 1.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาอนุมัติสินเชื่อใหม่ไปแล้วประมาณ 1.68 หมื่นล้านบาท จากเป้าทั้งปีอยู่ที่ 4.92 หมื่นล้านบาท
"แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่เทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคลถือว่าค่อนข้างถูกกว่า และลูกค้าที่มากู้สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ ก็ใช้หลักประกันบ้านหลังเดิมที่ลูกค้าผ่อนชำระมาแล้วบางส่วนกับทางธนาคารมาขอเงินกู้ในส่วนนี้ ขณะที่ธนาคารเองก็มีรายได้จากค่าธรรมเนียมส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงเป็นสาเหตุให้ตลาดสินเชื่อประเภทนี้ได้รับความนิยมและยังขยายตัว"
Photo :
Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,180 วันที่ 4 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559