KEY
POINTS
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครพลิกโฉมจุดจอดรถโดยสารประจำทาง เปิดตัวต้นแบบ “ป้ายรถเมล์ดิจิทัลเสาเดี่ยว” ชูดีไซน์ประหยัดพื้นที่
ทั้งนี้เพิ่มความสะดวกด้วยระบบบอกเวลาเดินรถแบบเรียลไทม์ พร้อมเตรียมขยายผลติดตั้ง 500 จุด ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ภายในปี 2569
ปัจจุบันป้ายรถเมล์ดิจิทัลเสาเดี่ยวดังกล่าว ได้ดำเนินการนำร่องติดตั้งเพื่อทดสอบระบบ จำนวน 5 จุด ได้แก่
1. เดอะมอลล์ บางกะปิ
2. ตรงข้ามเดอะมอลล์ บางกะปิ (งานติดตั้งแล้วเสร็จ คงเหลืองานไฟฟ้า การติดตั้งมิเตอร์ และการบรรจบไฟ)
3. ตลาดบางกะปิ (คงเหลืองานติดตั้งจอ)
4. ตรงข้ามตลาดบางกะปิ (คงเหลืองานติดตั้งเสาโครงสร้าง การลากสายไฟ และงานติดตั้งอุปกรณ์จอ)
5. ตรงข้ามมหาวิทยาลัยรามคำแหง (คงเหลืองานฐานรากและงานโครงสร้างรองรับจอ)
นายเอกวรัญญู กล่าวต่อว่า กรุงเทพมหานครดำเนินการติดตั้งป้ายรถเมล์รูปแบบเสาเดี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาทางเท้าแคบ หรือจุดที่ไม่สามารถก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดมายาวนานกว่า 30 ปี
ส่วนโครงสร้างใหม่นี้เน้นการเพิ่มพื้นที่ให้คนเดินเท้าสามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันสนับสนุนการใช้งานครบวงจร ได้แก่
1. หน้าจอแสดงผลดิจิทัล: แจ้งเวลาที่รถเมล์กำลังจะมาถึง
2. แผนที่เส้นทางเดินรถ: แสดงข้อมูลสายรถเมล์และจุดหมายปลายทางอย่างชัดเจน
3. ระบบส่องสว่าง: เพิ่มความปลอดภัย ตามนโยบาย “กรุงเทพฯ ต้องสว่าง”
สำหรับโครงการก่อสร้างป้ายหยุดรถโดยสารแบบเสาเดี่ยวนี้ เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน
ทั้งข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) Thai Smile Bus และ Bangkok City Lab
นอกจากนี้ยังรับหน้าที่ออกแบบโครงสร้าง ViaBus ออกแบบระบบ UI บนหน้าจอ Mayday! จัดทำแผนที่ และบริษัท ทรานส์โค้ด จำกัด เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง แม้งบประมาณการก่อสร้างจะปรับเพิ่มขึ้นตามมาตรฐานอุปกรณ์
ขณะเดียวกันยังรวมถึงการติดตั้งระบบไฟ จอแสดงผล ระบบข้อมูล และแผนที่ ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน
นอกจากป้ายเสาเดี่ยวจำนวน 500 จุดแล้ว กรุงเทพมหานครยังเดินหน้าปรับปรุงและติดตั้งศาลาที่พักผู้โดยสารรูปแบบใหม่
อย่างไรก็ดีการพัฒนาจากความคิดเห็นของประชาชนเพิ่มเติมอีก 500 จุด ส่งผลให้ภายในปี 2569 กรุงเทพมหานครจะมีจุดจอดรถโดยสารที่มีข้อมูลครบถ้วน
ทั้งตำแหน่ง เลขสาย และเส้นทาง รวมกว่า 1,100 จุดทั่วเมือง ช่วยสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น