KEY
POINTS
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเมื่อวานนี้ (10ธ.ค.68) ถึงแผนการที่จะโทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำของไทยและกัมพูชาในวันนี้ (11 ธันวาคม 2568) เพื่อหาทางไกล่เกลี่ยและยุติเหตุปะทะตามแนวชายแดนที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง
โดยทรัมป์กล่าวในงานที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่นว่า "พรุ่งนี้ผมจะต้องโทรศัพท์ไปหาผู้นำไทยและกัมพูชา" โดยเขามั่นใจว่าการเข้าแทรกแซงครั้งนี้จะสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วเพื่อ "ดับไฟ" ความขัดแย้งดังกล่าว
เมื่อเวลา 09.45 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณแจ้งหรือการติดต่อจากนายโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม นายอนุทินเห็นว่าการที่ผู้นำแต่ละประเทศต้องมีการสื่อสารกันตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ และทุกคนต้องพยายามช่วยกันเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา
นายอนุทินได้กล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลไทยว่า หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรมาในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ตนจะอธิบายและชี้แจงให้ท่านได้รับทราบอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ที่พัฒนาจนมาเป็นสถานการณ์ในปัจจุบัน, นายกฯ ไทยมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าประเทศไทยเป็นฝ่ายถูกรุกราน
ดังนั้น จุดยืนของไทยคือการยืนยันที่จะรักษาเอกราชและอธิปไตยของประเทศ รวมถึงรักษาประชาชน บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของคนไทย, นายอนุทินยอมรับว่า ตนได้พูดคุยและได้อธิบายเรื่องนี้ให้กับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รับฟังแล้ว, พร้อมเชื่อว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ คงมีการชี้แจงข้อมูลในระดับทางการทูตอยู่แล้ว,
ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่าการเข้าแทรกแซงครั้งนี้จะสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วเหมือนครั้งก่อน โดยเขากล่าวว่า "ผมคิดว่าจะทำให้พวกเขาหยุดการสู้รบได้" และอ้างว่าเขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับผู้นำของทั้งสองประเทศ
ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำถึงผลงานการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่เขาเคยเคลียร์ได้เมื่อ 2 เดือนก่อน และกล่าวถึงความสำเร็จของเขาในการเป็นผู้สนับสนุนและมีบทบาทสำคัญในการลงนามใน ‘ข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์’ (Kuala Lumpur Accords) ในเดือนตุลาคม ซึ่งได้วางแนวทางสู่สันติภาพและความตกลงทางการค้ากับทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทรัมป์เคยขู่จะใช้มาตรการจำกัดทางการค้ากับทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อยุติการสู้รบที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน