“ดร.สุรเกียรติ์”เปิด 6 รหัสคุณธรรม เดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน
ประธานวุฒิสภามอบรางวัล “พ่อดีเด่นแห่งชาติ 2568” แก่บุคคลต้นแบบ 45 ราย เชิดชูบทบาทพ่อในฐานะรากฐานการพัฒนาสังคม “สุรเกียรติ์” เปิด 6 รหัส เดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน
KEY
POINTS
- ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ปาฐกถาพิเศษในงานมอบรางวัล “พ่อดีเด่นแห่งชาติ” โดยเปิดเผย “6 รหัสคุณธรรมเดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน”
- รหัสคุณธรรมทั้ง 6 ประการ ถอดแบบมาจากพระราชจริยวัตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วยหลักการสำคัญ เช่น วินัยและความพอเพียง ความซื่อสัตย์สุจริต และ ความสามัคคี
- หลักการดังกล่าวมุ่งเน้นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “พ่อดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา ร่วมกับสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ รวมถึงสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยมี นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นผู้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล รวม 45 ท่าน เพื่อเชิดชูบทบาทของ “พ่อ” ผู้เป็นแบบอย่างในการสร้างครอบครัวคุณภาพ อบรมบ่มเพาะบุตรธิดาให้เป็นคนดีของสังคม และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน
6 รหัสเดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน
ภายในงานมีการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “เดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน : อุดมการณ์และคุณธรรมในความเป็นพ่อ” โดย ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัลพ่อดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2568
ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ กล่าวว่า ผู้ได้รับรางวัลทุกคนต่างยึดถือพระราชจริยวัตรของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต และสามารถถอดออกมาเป็น “6 รหัสความเป็นพ่อของแผ่นดิน” ได้แก่
1. วินัยและความพอเพียง
ดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล และมีคุณธรรมเป็นเข็มทิศในการตัดสินใจ
2. ความโปร่งใส-ซื่อสัตย์สุจริต
ถือเป็นหัวใจของการพัฒนาสังคมยุคใหม่ พร้อมชื่นชมหน่วยงานการศึกษาที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ยกระดับธรรมาภิบาล
3. ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
มุ่งดูแลผู้ด้อยโอกาส ผู้ประสบภัย รวมถึงการพัฒนาอาชีพและระบบสุขภาพ โดยบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน
4. รับมือภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เน้นการสร้างระบบบริหารจัดการน้ำ และการใช้วิทยาศาสตร์–เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
5. สร้างความสามัคคีในสังคม
ดำรงตามพระราชดำรัส “คนไทยรักกัน” เพื่อเป็นพลังประสานความแตกต่างให้สังคมแข็งแรง
6. รักษาคุณค่าความเป็นไทย
เชิดชูความกตัญญู ความเคารพครูบาอาจารย์ ความรักในครอบครัว และการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
“พ่อไม่ขอให้เรารักพ่อ แต่ขอให้เรารักกัน”
ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ ยังกล่าวตอนหนึ่งว่า “พ่อไม่เคยขอให้เรารักพ่อ แต่พ่อขอให้เรารักกัน และนั่นคือพลังสูงสุดที่จะทำให้สังคมไทยเข้มแข็ง มั่นคง และงดงาม”
เสียงสะท้อนจากพ่อดีเด่น
ภายในงานยังเปิดเวทีให้ผู้ได้รับรางวัลแลกเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาครอบครัวในฐานะ “ต้นแบบครอบครัวไทย”
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่า การเลี้ยงดูลูกไม่ใช่การใช้คำสั่ง แต่ต้องใช้การเป็นแบบอย่าง เปิดพื้นที่ให้ลูกคิด และเลือกเส้นทางชีวิตของตน พร้อมคอยตะล่อมแนะนำด้วยความเข้าใจ มากกว่าการบังคับ ซึ่งจะช่วยสร้างความผูกพันและความสุขในครอบครัว
พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เน้นว่าหัวใจของการเป็นพ่อคือ “ความรักและเวลา” การให้เวลากับครอบครัวอย่างแท้จริง ปลูกฝังคุณธรรม ความถูกต้อง และ หลักคิดทางพุทธศาสนา ทำให้บุตรเติบโตอย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จในชีวิต
พิธีมอบรางวัลในครั้งนี้ สะท้อนพลังของสถาบันครอบครัวไทย และเชิดชูบทบาทของพ่อผู้เป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในด้านคุณธรรม ความเสียสละ และการสร้างคนดีให้สังคมอย่างยั่งยืน