กองทัพภาค 2 เปิดยุทธการจำกัดเป้าหมาย โต้กลับกัมพูชา จับตาอาจยิง BM-21 ตอบโต้ไทยคืนนี้

08 ธ.ค. 2568 | 11:37 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2568 | 11:44 น.

กองทัพภาคที่ 2 เปิดปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ฝ่ายกัมพูชา หลังตรวจพบการจัดกำลังและยุทโธปกรณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงชายแดนไทย พร้อมส่งยุทธการเจาะทำลายโครงสร้างสนับสนุนการรบและเส้นทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้าม ล่าสุดฝ่ายความมั่นคงเตือนกัมพูชาอาจใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงตอบโต้คืนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงผลการปฏิบัติทางทหารในการโจมตีเป้าหมายภายในขอบเขตเส้นปฏิบัติการ หรือ Line of Operation ที่เป็นภัยคุกคาม โดยภารกิจทั้งหมดถูกวางแผนและดำเนินการภายใต้หลักการปฏิบัติด้านความมั่นคงและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมให้ความสำคัญสูงสุดต่อการป้องกันผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ โดยในวันนี้ 8 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 ได้ตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทย

รวมทั้งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ชายแดน จากการตรวจสอบข้อมูลทางยุทธการพบว่า ฝ่ายกัมพูชา มีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังทำการรบ และการเตรียมการยิงสนับสนุน

ซึ่งอาจมีลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน จึงนำไปสู่การปฏิบัติทางทหาร เพื่อยับยั้ง และทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร ในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

การปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่

  • การยิงทำลายตึกร้างที่ทำการเครือข่ายสแกมเมอร์ พื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
  • การยิงทำลายเสา Anti Drone พื้นที่พระวิหารและห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
  • การกวาดล้างสวนมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งรุกล้ำเส้นปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทางทิศตะวันออกช่องจอม
  • การเข้าควบคุมปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
  • การยิงทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงเนิน 350 ปราสาทตาควาย

โดยคาดว่าในห้วงเวลากลางคืนฝ่ายกัมพูชาอาจมีการใช้อาวุธจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงต่อประชาชนพลเรือน เพ่งเล็งพื้นที่เดิมที่เคยถูกยิง ทำลาย เพื่อสร้างความสับสนให้กับสนามรบ

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างรอบคอบตามหลักสากลของการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ยึดหลักความจำเป็นและความ
ได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) อย่างเคร่งครัด โดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการทางทหาร และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เป็นภัยต่อความมั่นคง 

กองทัพภาคที่ 2 ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ และลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นต่อภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อเอกราชอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้เป้าหมายสูงสุด คือการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น