“ธรรมนัส”ระดมโรงครัวทำอาหารแจกช่วยชาวหาดใหญ่ จนประชาชนตั้งหลักได้

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ นำรถโรงครัวเคลื่อนที่ของ “มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า” พร้อมทีมเจ้าหน้าที่จิตอาสากว่า 50 คน เดินทางจากจังหวัดพะเยา ใช้เวลากว่า 18 ชั่วโมง มาตั้งโรงครัวที่บริเวณหน้าโรงแรมซิกเนเจอร์ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อปรุงอาหารแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลในพื้นที่

ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า ขอขอบคุณผู้บริหารโรงแรมซิกเนเจอร์หาดใหญ่ ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่เป็นจุดตั้งโรงครัวให้มูลนิธิสามารถดำเนินภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยจุดดังกล่าวถูกกำหนดให้เป็น ศูนย์กลางผลิตและกระจายอาหารปรุงสุก เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และชุมชนในเขตพื้นที่ประสบภัย

ขณะเดียวกัน ยังได้รับความร่วมมือจากพี่น้องในจังหวัดนราธิวาส ที่นำทีมมาตั้ง โรงครัวอาหารฮาลาล บริการพี่น้องประชาชนชาวไทยมุสลิมควบคู่ เพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมทุกศาสนาอย่างเท่าเทียม

ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า โรงครัวของมูลนิธิใช้เป็นรถโรงครัวสำเร็จรูปทั้งหมด โดยทีมงานที่เดินทางมาจากจังหวัดพะเยา ล้วนเป็นอาสาสมัคร ไม่มีค่าตอบแทน ทุกคนมาด้วยหัวใจจิตอาสา ทั้งข้าราชการ อาสารักษาดินแดน (อส.) และเครือข่ายจิตอาสาชุมชน

“ผมบอกกับคนพะเยาเสมอว่า เมื่อสังคมเดือดร้อน เราต้องช่วยเหลือกันเต็มที่ ทุกคนทิ้งภารกิจส่วนตัว เดินทางข้ามจังหวัดกว่า 18 ชั่วโมง มาช่วยพี่น้องชาวสงขลา” 

สำหรับกำลังการผลิต โรงครัวสามารถจัดทำอาหารได้เฉลี่ย วันละ 3,000 – 4,000 กล่อง โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาปิดภารกิจ จะเปิดให้บริการไปเรื่อย ๆ จนกว่าประชาชนจะสามารถตั้งหลักกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปกติ

ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการทุกหน่วยงานในสังกัด ลงพื้นที่กระจายอาหารและสิ่งของช่วยเหลือประชาชน ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำของทุกวัน ในพื้นที่น้ำท่วมทุกอำเภอของจังหวัดสงขลา

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มีสมาชิกพรรคกล้าธรรมจากหลายจังหวัด ทั้งยะลา นราธิวาส และ พะเยา ทยอยเดินทางมาสมทบการช่วยเหลือ โดยจะแบ่งกำลังลงพื้นที่ร่วมกับชุมชน ทำความสะอาดบ้านเรือนและสถานที่สาธารณะ เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับคืนโดยเร็ว

ในส่วนภารกิจการฟื้นฟูหลังน้ำลด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เข้ามาดูแลด้านการซ่อมแซมความเสียหายเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประชาชน โดยสั่งการให้ เครือข่ายอาชีวศึกษาทั่วประเทศตั้ง “ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน” รวม 50 ศูนย์ กระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ในจังหวัดสงขลา เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้เร็วที่สุด