“สุรศักดิ์”ระดมพลัง อว. สั่งใช้มหาวิทยาลัย-นวัตกรรม ฟื้นฟูน้ำท่วมใต้

29 พ.ย. 2568 | 11:18 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2568 | 11:27 น.

“สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล”ถก กอวช. สั่งระดมเครือข่ายมหาวิทยาลัย บุคลากร และนวัตกรรม อว. หนุนเยียวยา-ฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้อย่างเป็นระบบ

KEY

POINTS

  • รมว.อว. สั่งระดมหน่วยงานในสังกัดและเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือ และฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้
  • การช่วยเหลือจะมุ่งเน้นการนำบุคลากร องค์ความรู้ และนวัตกรรมไปใช้ในด้านการแพทย์ การจัดการสุขาภิบาล การซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และการฟื้นฟูอาชีพ
  • ยกย่องมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่เป็นต้นแบบในการเปิดพื้นที่เป็นศูนย์อพยพและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างครบวงจร

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (กอวช.) ครั้งที่ 8/2568 ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. และผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2568

ระหว่างการประชุม นายสุรศักดิ์ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แม้ระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ความเสียหายยังรุนแรงและขยายเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังมีหลายจังหวัดประสบปัญหาน้ำท่วมขังต่อเนื่อง กระทรวง อว. จึงได้หารือเพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือทั้งในระยะเร่งด่วนและการฟื้นฟูระยะยาว

นายสุรศักดิ์ ระบุว่า จะระดมศักยภาพจากหน่วยงานในสังกัด อว. และเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ทั้งบุคลากร องค์ความรู้ วิชาการ และนวัตกรรม ลงพื้นที่สนับสนุนประชาชน โดยมุ่งเน้นด้านการแพทย์ การสาธารณสุข การจัดการสุขาภิบาล การฟื้นฟูที่อยู่อาศัย การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการฟื้นอาชีพของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้กล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่เปิดพื้นที่เป็นศูนย์อพยพหลัก รองรับผู้ประสบภัย พร้อมจัดบริการด้านการแพทย์ ที่พักพิง และพื้นที่ดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้รับคำชื่นชมจากนายกรัฐมนตรี และถูกยกย่องให้เป็นแบบอย่างของสถาบันอุดมศึกษาที่มีบทบาทเชิงสังคมยามเกิดวิกฤติ

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาผลการดำเนินงานของสำนักงานสภานโยบาย อววน. (สอวช.) ประจำปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานผู้อำนวยการแล้ว โดยผลประเมินองค์การมหาชนตามกรอบสำนักงาน ก.พ.ร. ปรากฏว่า สอวช. มีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับ “ดีมาก” ด้วยคะแนน 98.78 คะแนน สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ความโปร่งใส และความก้าวหน้าเชิงยุทธศาสตร์

                                “สุรศักดิ์”ระดมพลัง อว. สั่งใช้มหาวิทยาลัย-นวัตกรรม ฟื้นฟูน้ำท่วมใต้

ขณะเดียวกัน สอวช. ยังรายงานผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการสำนักงานประจำปี 2568 ซึ่งผ่านความเห็นชอบและสอดคล้องกับตัวชี้วัดหลักขององค์กร แสดงถึงการกำกับทิศทางนโยบายด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิผล
สำหรับหน่วยบริหารและจัดการทุนหรือ PMUs ทั้ง 3 หน่วย ได้แก่ ได้แก่

1.หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและนวัตกรรม (บพค.)

2.หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

3.หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานทั้งในระดับองค์กรและระดับผู้อำนวยการ ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการประจำหน่วยแล้ว โดยผลประเมินระบุว่าทั้งสามหน่วยงานดำเนินงานเป็นไปตามแผนและตัวชี้วัด สามารถบริหารทุนวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม การลงทุน และการพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมกำกับดูแลตามหลักธรรมาภิบาลอย่างครบถ้วน

ที่ประชุมยังได้พิจารณาตัวชี้วัดประจำปีงบประมาณ 2569 ของ สอวช. และ PMUs ทั้งสามหน่วยควบคู่กัน เพื่อเตรียมความพร้อมต่อโครงสร้างการบริหารใหม่

ด้าน ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่เห็นชอบในหลักการจัดตั้ง สำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ (รวพ.) ในรูปแบบองค์การมหาชน เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยงานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีแบบครบวงจร

ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพเชิงนโยบาย สอวช. ได้นำเสนอแผนการเปลี่ยนผ่านจาก PMUs เดิม ได้แก่ บพค. บพข. และ บพท. ไปสู่โครงสร้างของ รวพ. เพื่อให้การบริหารงบประมาณและการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2569 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่าง และดำเนินการบนหลักความโปร่งใสเป็นระบบ

ขณะที่ น.ส.รติมา เอื้อธรรมาภิมุข นักยุทธศาสตร์ระดับสูง สอวช. ได้นำเสนอโครงสร้างบริหาร รวพ. ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่

1.คณะกรรมการกำหนดนโยบาย

2.ผู้อำนวยการ รวพ. ทำหน้าที่บริหารงาน

3.หน่วยบริหารและจัดการทุนภายในสำนักงาน

4.คณะอนุกรรมการประจำหน่วย และผู้อำนวยการหน่วยทั้ง 3 หน่วย ซึ่งโอนจาก สอวช. พร้อมภารกิจเดิมทั้งหมดเข้าสู่ รวพ.

ทั้งนี้ กระบวนการจัดตั้ง รวพ. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 180 วัน ตามบทเฉพาะกาลกฎหมาย โดยช่วงเปลี่ยนผ่านจะมุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ ระหว่าง สอวช. และพนักงาน รวพ. เพื่อให้โครงสร้างใหม่สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น มีเอกภาพ และเติบโตอย่างยั่งยืน รองรับภารกิจพัฒนาประเทศผ่านกลไกงานวิจัยและนวัตกรรมในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม