วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมสงขลา-น้ำท่วมหาดใหญ่เริ่มคลี่คลาย ล่าสุดจังหวัดสงขลา ได้ประชุมร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อวางแผนฟื้นฟูเมืองหลังวิกฤตน้ำท่วม โดยการประชุมในครั้งนี้มี นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายก อบจ.สงขลา นั่งหัวโต๊ะการประชุม พร้อมด้วย นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ส่วนราชการและหน่วยงานท้องถิ่นเข้าร่วม
สำหรับผลการประชุมเบื้องต้น ระบุว่า จังหวัดสงขลามีประชากรกว่า 1.4 ล้านคน ขณะที่อำเภอหาดใหญ่มีประชากรมากกว่า 4 แสนคน โดยเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ได้รับผลกระทบรุนแรง ทั้งบ้านเรือน ถนน ระบบสาธารณูปโภค และขยะตะกอนตกค้าง เพื่อบรรเทาภาระจุดทิ้งขยะท้องถิ่น จังหวัดสงขลากำหนดจุดทิ้งขยะชั่วคราวที่ TPIPP เกาะแต้ว พร้อมประกาศจัด “Big Cleaning Day เมืองหาดใหญ่” ในวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เพื่อคืนสภาพเมืองให้เรียบร้อยภายใน 7 วัน และขอความร่วมมือเจ้าของรถที่ยังจอดกีดขวางการจราจรให้นำรถออกจากพื้นที่ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น
สำหรับงานฟื้นฟู จังหวัดสงขลาเตรียมเครื่องจักรจำนวนมาก ได้แก่ รถบรรทุก 6 ล้อ และ 10 ล้อ อย่างละ 100 คัน, รถ JCB 100 คัน, รถแบคโฮ 100 คัน, รถตักหน้าขุดหลัง 100 คัน, รถเก็บขยะ 10 คัน, ถุงดำกว่า 10 ล้านใบ และชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดกว่า 300,000 ชุด ด้านกำลังคนระดมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ อาสาสมัคร จิตอาสา กำลังทหาร และชาวบ้านในชุมชนกว่า 1,000 คน พร้อมกำหนดค่าแรงวันละ 400 บาท เพื่อสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการฟื้นฟู
ในส่วนการบริหารจัดการ จะใช้ระบบทีมระดับหมู่บ้าน โดยแต่ละหมู่บ้านมีทีมปฏิบัติงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมสมาชิกสภาเทศบาลกำกับดูแลภาพรวม และประธานชุมชนกับคณะกรรมการชุมชนช่วยประสานงาน เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือนอย่างรวดเร็วที่สุด ทำให้การฟื้นฟูทั้งเมืองหาดใหญ่และจังหวัดสงขลาสามารถดำเนินไปได้ตามแผนและเห็นผลในเวลาไม่นาน
นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เน้นย้ำการดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน พร้อมประสานสถานีตำรวจเพิ่มการตรวจตราและเฝ้าระวังช่วงหลังน้ำลด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
ขณะเดียวกันนายรัฐศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เริ่มทรงตัว แม้ปริมาณน้ำลดลงช้ากว่าเมื่อวาน เนื่องจากมีมวลน้ำจากทุ่ง ไหลเข้ามาในเขตเมืองหาดใหญ่ แต่ยังสามารถเร่งระบายน้ำได้ตามปกติ พร้อมเฝ้าระวังน้ำจากอำเภอสะเดาที่อาจไหลสมทบเพิ่มเติม ขณะเดียวกันยังคงเร่งภารกิจเข้าช่วยเหลือประชาชนในจุดที่น้ำลึกและเชี่ยว โดยเฉพาะเขต 8 และเขต 4 ซึ่งก่อนหน้านี้การเข้าถึงทำได้ยาก แต่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ
ในส่วนของศูนย์อพยพ ขณะนี้ศูนย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีผู้อพยพกว่า 8,000 คน เกินความจุเดิม ขณะที่ศูนย์ในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ซึ่งรองรับได้ 1,500 คนยังสามารถรับเพิ่มได้อีกประมาณ 500 คน โดยจังหวัดสงขลาเตรียมเปิดจุดพักพิงเพิ่มที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา และมหาวิทยาลัยทักษิณ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประสบภัย
ด้านการบริหารจัดการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แบ่งมอบงานให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 ดูแลภารกิจเฉพาะด้าน อาทิ งานประสานมูลนิธิและหน่วยงานอาสา งานประสานอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงการประสานหน่วยทหาร มทบ.42 เพื่อสนับสนุนด้านอาหารและการบริหารศูนย์อพยพให้มีความพร้อมสูงสุด เพื่อให้การสั่งการและการประสานงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเอกภาพมากที่สุด ขณะเดียวกันกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนระลอกใหม่ในช่วงวันที่ 8–10 ธันวาคม และปลายเดือน ทำให้ทุกหน่วยต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของมติ ครม. ที่อนุมัติงบประมาณกว่า 3,800 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 7 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดสงขลา ครอบคลุมการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมยาวนาน การเยียวยาครอบครัวผู้ประสบภัย รวมถึงมาตรการด้านที่อยู่อาศัยและการโอนอำนาจบางส่วนให้นายกรัฐมนตรีเพื่อสั่งการได้อย่างทันท่วงที สำหรับจังหวัดสงขลา เร่งดำเนินแผนช่วยเหลือด่วน ทั้งการตั้งศูนย์พักพิงในพื้นที่เสี่ยง การจ่ายเงินเยียวยาระยะสั้น – ยาว ส่งทีมสาธารณสุขดูแลด้านสุขภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ประสบภัย พร้อมจัดทีมเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่หลังน้ำลด เพื่อเก็บกวาดสิ่งสกปรก ประเมินความเสียหาย และเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซม โดยใช้งบเงินทดรองราชการ 100 ล้านบาทควบคู่กับเงินบริจาคและสิ่งของจำเป็นที่ได้รับจากหลายภาคส่วน
"ทุกหน่วยงานต้องทำงานเชิงรุก รายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ และประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทุกครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด"
ที่มาข้อมูล-ภาพ