นายกฯ เตรียมส่งหนังสือถึง ทรัมป์ ย้ำท่าทีไทยระงับปฏิญญาร่วมกัมพูชา

17 พ.ย. 2568 | 09:20 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2568 | 09:29 น.

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุนายกฯ อนุทิน เตรียมหนังสืออย่างเป็นทางการถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำท่าทีของไทยต่อการระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมกับกัมพูชา ยันแยกเรื่องเจรจาภาษีออก

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรีเตรียมส่งหนังสือถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อย้ำจุดยืนของไทยในการระงับปฏิญญาร่วมกับกัมพูชา
  • สาเหตุของการระงับปฏิญญาเกิดจากการที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงก่อน โดยเฉพาะประเด็นการวางทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน
  • เนื้อหาในหนังสือจะเน้นประเด็นความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นหลัก โดยจะแยกออกจากเรื่องการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และการเจรจาการค้าไทยกับต่างประเทศ ร่วมกับผู้แทนเหล่าทัพ และกระทรวงพาณิชย์ ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เตรียมทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เพื่อย้ำท่าทีของไทยต่อการระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม (Joint Declaration) กับกัมพูชา

“หลังจากการหารือทางโทรศัพท์ นายกฯ จะมีหนังสืออีกฉบับหนึ่งถึงประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เพื่อย้ำท่าทีของไทยในเรื่องนี้ และความสำคัญของการที่กัมพูชาจะต้องกลับมาปฏิบัติตาม Joint Declaration โดยเฉพาะในประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นผู้ดำเนินการและจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น ในชั้นนี้จึงขึ้นอยู่กับการดำเนินการของกัมพูชาที่จะกำหนดอนาคตของ Joint Declaration ต่อไป” นายนิกรเดช ระบุ

นายนิกรเดช กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศมีความหวังว่าจะกดดัดให้ทางกัมพูชากลับมาทำในสิ่งที่ถูกต้องตาม Joint Declaration ซึ่งที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เข้าใจถึงประเด็นนี้ ซึ่งหนังสือที่นายกฯ จะทำถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นหลักว่า ไทยมีหลักการอย่างไร ขณะที่ประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะไม่ได้เขียนไปในหนังสือฉบับนี้

นายนิกรเดช กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการของกระทรวงต่างประเทศในที่ผ่านมาหลังจากเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ ขึ้น กระทรวงต่างประเทศก็ได้ดำเนินการโดยทันที และดำเนินการในทุกระดับ โดยเฉพาะเรื่องการละเมิด Joint Declaration ของกัมพูชา

โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ได้โทรศัพท์ไปยังรองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นการประท้วงในเบื้องต้นทันที หลังจากเกิดเหตุการณ์ทหารเหยียบทุ่นระเบิดและการประทะกันที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว หลังจากนั้นไทยได้มีหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังกัมพูชา ผ่านสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยอีก 2 ฉบับ สำหรับทั้ง 2 เหตุการณ์

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำการชี้แจงและก็หารือกับทั้งสหรัฐฯ และมาเลเซีย โดยนายกฯ ได้มีหนังสือถึงประธานาธิบดีทรัมป์ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน ซึ่งเป็นสักขีพยานการลงนาม Joint Declaration โดยได้สำเนาหนังสือถึงนายกฯมาเลเซียส่งไปถึงประเทศสมาชิกทุกประเทศรับทราบด้วย โดยใจความสำคัญของหนังสือคือ เป็นการย้ำว่าไทยยึดมั่นในเส้นทางแห่งสันติภาพ เคารพ และปฏิบัติตาม Joint Declaration มาโดยตลอด

แต่การละเมิด Joint Declaration ก่อนของฝ่ายกัมพูชาทำให้ไทยต้องสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามความจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย รวมทั้งประกันความปลอดภัยของประชาชนไทยด้วย จึงจำเป็นต้องมีการระงับการปฏิบัติตาม Joint Declaration เป็นการชั่วคราว และไทยจะกลับมาปฏิบัติตามอีกครั้ง ก็จะขึ้นอยู่กับท่าทีและความจริงใจของฝ่ายกัมพูชา

นอกจากนี้ในช่วงห่วง 2 วันที่ผ่านมา นายกฯ ยังได้หารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐและผู้นำมาเลเซียในหลายโอกาส โดยประเด็นสำคัญที่ได้มีการหารือแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ

1.ขอให้แยกประเด็นทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงออกจากประเด็นการค้า ซึ่งเป็นผลประโยชน์ระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น 

2.ขอให้นายกฯมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ช่วยหาแนวทางฟื้นฟูกระบวนการสันติภาพ โดยคำนึงถึงข้อเสนอของไทยคือให้กัมพูชาขอโทษ และสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความรับผิดชอบ รวมทั้งป้องกันไม่ให้เหตุเช่นเดิมเกิดขึ้นอีกในอนาคต 

3.ผู้นำทั้งสองได้แสดงความเข้าใจและรับพิจารณาข้อเสนอของไทย และหลังจากการหารือทางโทรศัพท์ นายกฯ จะมีหนังสืออีกฉบับหนึ่งถึงประธานาธิบดีทรัมป์ต่อไป 

นายนิกรเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการประท้วงในกรอบอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยได้มีหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาไปยังประเทศญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีนุสัญญาออตตาวา พร้อมทั้งขอให้ประธานเวียนหนังสือดังกล่าวให้รัฐภาคีนุสัญญารับทราบ และยังมีหนังสือถึงถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเรื่องการวางทุ่นระเบิดใหม่ของกัมพูชา รวมถึงการยั่วยุโดยฝ่ายกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้วด้วย โดยไทยจะหยิบยกประเด็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชาในการประชุมรัฐภาคีนุสัญญา ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 1-5 ธันวาคม นี้ ที่นครเจนีวา

ขณะเดียวกันไทยยังได้ทำการชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC โดยไทยมีหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาไปยังเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเซียร์ราลีโอนประจำสหประชาชาติ ในฐานะที่เป็นประเทศที่เป็นประธาน UNSC เกี่ยวกับทั้ง 2 เหตุการณ์ ที่มีการลุกล้ำอธิปไตยไทยเกิดขึ้น พร้อมทั้งขอให้เวียนหนังสือดังกล่าวให้รัฐสมาชิก UNSC รับทราบ

โดยสาระสำคัญของหนังสือประท้วงคือ การแจ้งให้ทราบถึงการที่กัมพูชาละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา และ Joint Declaration ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้เผยแพร่ขึ้นบนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ และยังได้มีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทยด้วย 

อย่างไรก็ตามในแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป กระทรวงการต่างประเทศ จะยังเดินหน้าชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาคมโลกและสื่อมวลชนในทุกเวทีและในทุกโอกาส เช่น การเข้าร่วมประชุม Indo Pacific Ministerial Forum ครั้งที่ 4 กับสหภาพยุโรป ของรมว.การต่างประเทศ และจะพบกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดช่วงสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า พร้อมทั้งร่วมเวทีเสวนากับผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศต่อไป

"ในการประชุมรัฐภาคีนุสัญญา ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 1-5 ธันวาคม ที่นครเจนีวา ซึ่งในชั้นนี้คาดว่าจะมีผู้แทนระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศไปร่วมเอง นอกเหนือจากเอกอัครราชทูตของเราที่อยู่แล้ว นอกจากนี้ไทยจะยังคงเดินหน้าดำเนินการในประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญและต่อยอดสิ่งที่ไทยเสนอในต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน และ APEC ไว้ ก็คือเรื่อง ออนไลน์สแกม โดยไทยก็จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต หรือออนไลน์สแกม ระดับรัฐมนตรีในเดือนธันวาคมนี้ด้วย" นายนิกรเดช ระบุ