'เกษม ณรงค์เดช' ยืนยัน “ คำพิพากษาศาลอาญา รัชดา ตัดสิน 'ความจริงมีหนึ่งเดียว'

14 พ.ย. 2568 | 23:48 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 00:00 น.

“เกษม ณรงค์เดช “ยืนยัน “ คำพิพากษาศาลอาญา รัชดา 11 พ.ย.68 ตัดสิน “ความจริงมีหนึ่งเดียว  ไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นตัวแทนใคร ” พร้อมขอบคุณศาลอาญาและกระบวนการยุติธรรมที่มอบความเป็นธรรมให้   

KEY

POINTS

  • นายเกษม ณรงค์เดช ยืนยันคำพิพากษาของศาลอาญาที่สั่งจำคุกคุณหญิงกอแก้วและนายณพ ณรงค์เดช สะท้อน "ความจริงมีหนึ่งเดียว"
  • ฝ่ายนายณพ ณรงค์เดช ได้จัดแถลงข่าวโดยอ้างถึงชัยชนะในคดีแพ่งที่ตัดสินไปก่อนหน้า เพื่อสร้างความสับสนต่อสาธารณชน
  • นายกรณ์ ณรงค์เดช ชี้แจงว่าคำตัดสินล่าสุดคือคดีอาญา และย้ำจุดยืนของบิดาว่าไม่เคยลงนามโอนหุ้นและไม่มีเหตุผลที่จะเป็นตัวแทนให้ใคร

หลังจากที่ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ศาลอาญา รัชดา ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีแดง 13494/2568 โดยศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งลงโทษจำคุกจำเลย คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา และนายณพ ณรงค์เดช คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ล่าสุดวันนี้ ฝ่ายจำเลย นาย ณพ ณรงค์เดช (ลูกชายโจทก์) ได้ขอเปิดโต๊ะแถลง นำหลักฐานใหม่ที่อ้างว่ายังไม่ได้แสดงต่อศาล พร้อมยันว่าตนได้ชัยชนะจากศาลแพ่ง คดี พ.978/65 มายืนยัน ซึ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568

 

นายเกษม ณรงค์เดช ยืนยันว่า  “ คำพิพากษาศาลอาญา รัชดา ตัดสินเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2568  และความจริงมีหนึ่งเดียว  “ไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นตัวแทนใคร ” และต้องกราบขอบคุณศาลอาญาและกระบวนการยุติธรรมที่มอบความเป็นธรรม

เกษม ณรงค์เดช  

กรณ์ ณรงค์เดช

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายกรณ์ ณรงค์เดช ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับการแถลงของคุณ ณพฯ เมื่อวันที่14 พฤศจิกายนที่ผ่านมานายกรณ์ เปิดเผยสั้นๆว่า

“ เราไม่ขอกล่าวล่วงศาล แต่อยากให้ทราบว่าคดีแพ่ง ที่ถูกหยิบมากล่าวถึงในวันนี้นั้นได้ตัดสินไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 ส่วนคดีอาญาที่ศาลสั่งจำคุกจำเลยไป เพิ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568  พูดง่ายๆคือเอาคดีเก่ามาเล่าใหม่ให้คนสับสน ความจริงมีหนึ่งเดียวตามที่คุณพ่อพูดตั้งแต่วันแรก ว่าไม่เคยเซ็นโอนหุ้นดังกล่าว และไม่มีเหตุผลใดที่ต้องเป็นตัวแทนของใคร และหากจำเลยมีหลักฐานใหม่ขอให้นำส่งศาลเพื่อตรวจสอบ ส่วนเรื่องความโปร่งใสในทุกกระบวนการของทุกหน่วยงานที่จำเลยได้กล่าวอ้างโดยยกข้อมูลมาเล่าแค่บางส่วนเพื่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยและเล่าถึงในคดีที่จำเลยแพ้เท่านั้นในขณะที่หลายคดีที่จำเลยชนะจำเลยไม่มีข้อสงสัยใดๆและน้อมรับชัยชนะโดยดี ก็ขอให้เป็นขั้นตอนการตรวจสอบ และให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมต่อไป ” นายกรณ์ ณรงค์เดช กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ